สรุปผลการดำเนินงานปี 2024 ของ StashAway

16 January 2025

แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

ปี 2024 เป็นปีที่สินทรัพย์หลักให้ผลตอบแทนแตกต่างกันออกไป ในมุมหนึ่ง ตลาดหุ้นโลกและทองคำ ให้ผลตอบแทนอย่างแข็งแกร่งที่ +18% และ +27% ตามลำดับ โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง กำไรภาคเอกชนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการลดดอกเบี้ยของ Fed

ในทางกลับกัน ตลาดตราสารหนี้โลก ให้ผลตอบแทน -3% ในช่วงเวลาเดียวกัน เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อสูงที่ยังยืดเยื้อ ความกังวลเรื่องการออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะในสหรัฐ) และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางต่างๆ 

สถานการณ์นี้ทำให้ผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างๆ เป็นไปตามรูปแบบของภาวะเศรษฐกิจ ‘Inflationary Growth’ (เศรษฐกิจเติบโตได้ดี แต่เงินเฟ้อสูงยังยืดเยื้อ) ซึ่งพอร์ตของ StashAway ที่บริหารโดยเทคโนโลยีการลงทุน Economic Regime Asset Allocation หรือ ERAA™ ได้มีการปรับ Asset Allocation ให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี 2024 ทำให้พอร์ตของเราสามารถทำผลตอบแทนเป็นบวกอย่างแข็งแกร่งในปี 2024 และยังทำผลงานได้ดีกว่า Same-risk Benchmark* โดยเฉลี่ย

แล้วผลการดำเนินงานของ StashAway ตลอดทั้งปี 2024 เป็นอย่างไร เราสรุปไว้ในบทความนี้:

  • พอร์ต General Investing และ Goal-based Investing (ใช้พอร์ตบริหารเดียวกันจึงสามารถดูผลการดำเนินงานร่วมกันได้)
  • Thematic Portfolio

พอร์ต General Investing และ Goal-based Investing

ปี 2024 พอร์ต General Investing (GI) และพอร์ต Goal-based Investing ของ StashAway ทำผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +8.3% ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (+8.2% ในสกุลเงินบาท) เมื่อเทียบกับ Same-risk Benchmark* ที่ +7.2% โดยเฉลี่ย ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ โดยพอร์ตความเสี่ยงต่ำสุดของเรา (SRI 6.5%) ให้ผลตอบแทน +2.9% ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ (+2.8% ในสกุลเงินบาท) ขณะที่พอร์ตความเสี่ยงสูงสุดของเรา (SRI 36%) ให้ผลตอบแทน +14.6% ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ (+14.5% ในสกุลเงินบาท) 

กลยุทธ์ของเราในปีที่สินทรัพย์หลักเคลื่อนไหวเแตกต่างกัน

ปี 2024 ถือเป็นปีที่สินทรัพย์หลักให้ผลตอบแทนแตกต่างกันมาก เช่น ทองคำและหุ้น ซึ่งให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 2 หลัก ขณะที่ ตราสารหนี้กลับให้ผลตอบแทนติดลบ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นในปี 2005 เพียงครั้งเดียวในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา

ในช่วงเวลานั้น เศรษฐกิจยังเติบโตได้ดี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ Fed ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากไม่นับรวมกับการที่ Fed กำลังลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ในปัจจุบัน ทั้ง 2 สถานการณ์ถือว่ามีความคล้ายคลึงกัน โดย ERAA™ ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะ ‘Inflationary Growth’ มาตั้งแต่เดือน เม.ย. ปี 2024

การปรับ Asset Allocation ของ ERAA™ ช่วยให้พอร์ต GI ได้รับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำและหุ้น และทำผลตอบแทนเป็นบวกอย่างแข็งแกร่ง โดยในพอร์ตที่มีระดับความเสี่ยงต่ำกว่า เรารับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในตลาดตราสารหนี้ ด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นและทองคำ

ในระยะข้างหน้า เราคาดว่าปัจจัยต่างๆ จะทำให้เศรษฐกิจยังคงอยู่ในภาวะ Inflationary Growth ต่อไปในปีนี้ ซึ่งจะยังเป็นผลดีต่อหุ้นและทองคำ (อ่านเพิ่มเติมได้ใน 2025 Macro Outlook: ‘FAT’ คือ New Normal)

ทองคำให้ผลตอบแทนที่ดี ท่ามกลางความผันผวนและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

ปี 2024 ทองคำให้ผลตอบแทนอย่างแข็งแกร่งถึง +27% เนื่องจากปัจจัยเชิงวัฏจักรและเชิงโครงสร้าง โดยปัจจัยระยะสั้นที่สนับสนุนผลการดำเนินงานของทองคำ ได้แก่ Demand ที่เพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ Safe-haven ในช่วงที่ตลาดผันผวน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น และปัญหาเงินเฟ้อสูงที่ยังยืดเยื้อ ส่วนปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำในระยะยาวยังคงเป็นความกังวลเรื่องการเพิ่มจำนวนพันธบัตรสหรัฐ และ Demand ที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารกลางทั่วโลก

ปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ERAA™ Overweight ทองคำ จนกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้พอร์ตเมื่อปีที่แล้ว โดยในช่วงเวลาดังกล่าว การเพิ่มสัดส่วนทองคำช่วยสนับสนุนผลตอบแทนโดยรวมในพอร์ตได้ตั้งแต่ 14%-45% จากผลตอบแทนทั้งหมด ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของแต่ละพอร์ต

ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นแรง นำโดยหุ้นสหรัฐและหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่

ปี 2024 ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทนอย่างแข็งแกร่งที่ +18% อย่างไรก็ตาม เส้นทางนี้ไม่ได้ราบรื่นมากนัก เนื่องจากตลาดมีการปรับฐานครั้งใหญ่ในเดือน เม.ย. และ ส.ค.

ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของตลาดหุ้นโลกเมื่อปีที่แล้ว ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากตลาดสหรัฐ โดยหุ้น Large-cap ของสหรัฐให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดสำคัญอื่นๆ ทั่วโลก ขณะที่ หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจที่มีผลงานโดดเด่น ได้แก่ Communications Services, IT และสินค้าฟุ่มเฟือย (ดูตารางด้านล่าง)

การที่ ERAA™ ส่งสัญญาณให้เพิ่มสัดส่วนหุ้นสหรัฐโดยรวม ช่วยให้พอร์ตสามารถคว้าโอกาสที่ดีเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะในพอร์ตที่มีความเสี่ยงสูงกว่า อย่างไรก็ตาม การ Underweight กลุ่มธุรกิจ Communications Services และการ Overweight กลุ่มธุรกิจ Healthcare และพลังงาน กลายเป็นปัจจัยฉุดรั้งผลการดำเนินงานในพอร์ต

พันธบัตรสหรัฐระยะสั้น และตราสารหนี้ High-yield ช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดี แม้ตลาดตราสารหนี้โลกจะมีผลการดำเนินงานติดลบ

แม้ว่าธนาคารกลางส่วนใหญ่ จะเริ่มวงจรการลดดอกเบี้ยไปแล้ว แต่ตลาดตราสารหนี้โลกยังคงเผชิญแรงกดดันในปี 2024 เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและความกังวลปัญหาเงินเฟ้อสูงที่ยังยืดเยื้อ ทำให้ตลาดคาดว่า Fed อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยน้อยลงในปีนี้ ซึ่งโดยสรุปแล้ว พันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกให้ผลตอบแทน -3% ในปี 2024

พอร์ต GI ของเรา สามารถรับมือกับความท้าทายนี้ได้ เนื่องจาก ERAA™ ได้ Overweight พันธบัตรสหรัฐระยะสั้นมาก (Ultra-short) ซึ่งยังคงให้ Yield ในระดับสูง แต่มีความเสี่ยงต่ำมาก นอกจากนี้ การมีสัดส่วนในตราสารหนี้ High-yield เช่น หุ้นกู้ Non-investment Grade และตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ ยังช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในส่วนของตราสารหนี้

Thematic Portfolio

ปี 2024 Thematic Portfolio ของเรา มีผลการดำเนินงานแตกต่างกันไปในแต่ละธีม โดยธีม Technology Enablers และ Future of Consumer Tech ซึ่งเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี สามารถทำผลตอบแทนได้โดดเด่นที่สุด เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ขณะที่ ธีม Environment and Cleantech และ Healthcare Innovation ให้ผลตอบแทนลดลงในปีนี้

ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2024 เราได้อัปเดต Thematic Portfolio ของเรา เพื่อสะท้อนความเปลี่ยนแปลงล่าสุดของการลงทุนแบบ Thematic Investing เนื่องจากการเกิดขึ้นของเทรนด์นวัตกรรมใหม่ๆ (เช่น Generative AI) รวมถึงการออก ETF ใหม่ๆ ในตลาด

Technology Enablers

ปี 2024 ธีม Technology Enablers ทำผลตอบแทนที่ +24.6% โดยเฉลี่ยในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือ +24.4% ในสกุลเงินบาท โดยในพอร์ตความเสี่ยงต่ำสุด (SRI 20%) ทำผลตอบแทนที่ +15.6% ในสกุลดอลลาร์ฯ (+15.5% ในสกุลเงินบาท) ขณะที่พอร์ตความเสี่ยงสูงสุด (SRI 45%) ทำผลตอบแทนที่ +35.5% ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ (+35.3% ในสกุลเงินบาท)

การปรับตัวขึ้นของหุ้น AI เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนผลตอบแทนของตลาดโดยรวมในปี 2024 ซึ่งธีม Technology Enablers ของเราได้รับประโยชน์อย่างมากจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยกลุ่มธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง มีส่วนสำคัญในการสร้างผลตอบแทนถึง 1 ใน 4 จากทั้งหมด ขณะที่ กลุ่มธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของ Cryptocurrency โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ยังช่วยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain (รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI ติดตามได้ใน CIO Insights: อนาคตของ AI จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้?)

Future of Consumer Tech

ปี 2024 ธีม Future of Consumer Tech ทำผลตอบแทนที่ +12.6% โดยเฉลี่ยในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือ +12.4% ในสกุลเงินบาท โดยในพอร์ตความเสี่ยงต่ำสุด (SRI 20%) ทำผลตอบแทนที่ +7.7% ในสกุลดอลลาร์ฯ (+7.5% ในสกุลเงินบาท) ขณะที่พอร์ตความเสี่ยงสูงสุด (SRI 45%) ทำผลตอบแทนที่ +19.4% ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ (+19.3% ในสกุลเงินบาท)

กลุ่มธุรกิจเกมมิ่งและ E-sport เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ช่วยสร้างผลตอบแทนในธีมนี้ สะท้อนให้เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมวิดีโอเกมทั่วโลก เช่นเดียวกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่ กลุ่มธุรกิจ Fintech เป็นส่วนสำคัญในการสร้างผลตอบแทนในธีมนี้เช่นกัน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) รวมถึงการมีสัดส่วนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency เช่น Coinbase แต่ในทางกลับกัน กลุ่มธุรกิจยานยนต์ไร้คนขับและรถยนต์ไฟฟ้า ให้ผลตอบแทนลดลงเล็กน้อย

Healthcare Innovation

ปี 2024 ธีม Healthcare Innovation ทำผลตอบแทนที่ -3.3% โดยเฉลี่ยในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือ -3.4% ในสกุลเงินบาท โดยในพอร์ตความเสี่ยงต่ำสุด (SRI 20%) ทำผลตอบแทนที่ -1.5% ในสกุลดอลลาร์ฯ (-1.6% ในสกุลเงินบาท) ขณะที่พอร์ตความเสี่ยงสูงสุด (SRI 45%) ทำผลตอบแทนที่ -4.6% ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ (-4.7% ในสกุลเงินบาท)

กลุ่มธุรกิจ Healthcare ของสหรัฐ มีผลการดำเนินงานที่ซบเซาในปี 2024 เนื่องจากปัจจัยลบหลายประการ เช่น การควบคุมราคายาและกฎระเบียบที่เข้มงวด ไปจนถึงความไม่แน่นอนที่อาจเกิดจากนโยบายของ Donald Trump ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ โดยผลการดำเนินงานในธีม Healthcare Innovation ที่ติดลบเมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจาก ARK Genomic Revolution ETF (ซึ่งเราได้ถอดออกจาก Universe การลงทุนของเราในการอัปเดต Thematic Portfolio ครั้งล่าสุด) รวมถึงการปรับตัวลงของหุ้นในกลุ่มธุรกิจ Healthcare โดยรวม 

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรม Healthcare โลก ซึ่งรวมถึงกลุ่มธุรกิจ Healthtech ช่วยสนับสนุนผลตอบแทนในธีมนี้ ส่วนพอร์ตที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า การมีสัดส่วนของสินทรัพย์ปรับสมดุล เช่น ทองคำและพันธบัตรสหรัฐระยะสั้นมาก ยังช่วยป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตได้ดี

Environment and Cleantech

ปี 2024 ธีม Environment and Cleantech ทำผลตอบแทนที่ -3.2% โดยเฉลี่ยในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือ -3.3% ในสกุลเงินบาท โดยในพอร์ตความเสี่ยงต่ำสุด (SRI 20%) ทำผลตอบแทนที่ -2.3% ในสกุลดอลลาร์ฯ (-2.5% ในสกุลเงินบาท) ขณะที่พอร์ตความเสี่ยงสูงสุด (SRI 45%) ทำผลตอบแทนที่ -3.4% ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ (-3.6% ในสกุลเงินบาท)

กลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาดโลกเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งผลตอบแทนในธีมนี้ เนื่องจากบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมรายใหญ่ประสบปัญหายอดขายที่ลดลง รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของ Trump โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกหรือปรับขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย US Inflation Reduction Act นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจยูเรเนียมโลก ซึ่งเราเพิ่งเพิ่มเข้าไปในพอร์ตเมื่อเดือน ธ.ค. 2024 ก็ปรับตัวลดลงในช่วงปลายปีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การมีสัดส่วนในกลุ่มบริษัทโครงสร้างพื้นฐาน Smart Grid รวมถึงกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อม ช่วยชดเชยผลตอบแทนในธีมนี้ได้บางส่วน

หมายเหตุ:

Benchmark ที่เราใช้ในการเปรียบเทียบมาจาก FTSE All-World Index ในส่วนของหุ้น (ก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2024 ใช้ MSCI All Country World Index และ ก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2023 ใช้ MSCI World Equity Index TRI) และ ใช้ FTSE World Government Bond TRI ในส่วนของตราสารหนี้ โดยหลังจากวันที่ 24 เมษายน 2024 เราได้เพิ่ม Bloomberg 1-3 Month US Treasury Bill Index ในส่วนของพันธบัตรสหรัฐระยะสั้น และ Bloomberg Gold Subindex Total Return Index ในส่วนของทองคำ เข้าไปใน Benchmark โดยน้ำหนักของ Benchmark ที่เราใช้จะมีค่าความผันผวนที่เกิดขึ้นจริง (Realized Volatility) ในระยะเวลา 10 ปีเท่ากับระดับความเสี่ยง StashAway Risk Index

ผลตอบแทนของโมเดลพอร์ตนี้เป็นมูลค่าทั้งหมดก่อนหักค่าธรรมเนียม ภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขอคืนภาษีหัก ณ​ ที่จ่ายของเงินปันผล โดยแบบจำลองผลการดำเนินงานนี้ทำเพื่อชี้วัดประสิทธิภาพของกลยุทธ์การลงทุน ไม่รวมปัจจัยอื่นๆ

ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงในบัญชีอาจแตกต่างจากโมเดลพอร์ต ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาดำเนินการซื้อขาย, ความแตกต่างของช่วงเวลาและความผันผวนระหว่างวันในการทำ Re-optimisation และการทำ Rebalancing, ค่าธรรมเนียม, ภาษีของเงินปันผล (และการขอคืนภาษี) และอื่นๆ โดยผลตอบแทนอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน; ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต; การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำเสนอ คำแนะนำ คำเชื้อเชิญ หรือการชักชวนให้ท่านซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือเข้าทำธุรกรรมใดๆ

ข้อมูลนี้ไม่ได้จัดเตรียมขึ้นโดยคำนึงถึงสถานการณ์ส่วนบุคคลของท่าน (เช่น วัตถุประสงค์การลงทุน สถานการณ์ทางการเงิน หรือความความต้องการโดยเฉพาะ) ท่านควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาด้านการเงิน บัญชี ภาษี กฎหมาย และด้านอื่น ๆ ของท่านเอง


แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ