สารจาก Group CIO: ทำความเข้าใจการปรับฐานของตลาดครั้งล่าสุด
นักลงทุนคงสังเกตเห็นแล้วว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังเผชิญกับความผันผวน ซึ่งนำไปสู่การปรับฐานของตลาด โดยเราเข้าใจดีว่าความผันผวนเหล่านี้อาจทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล เราจึงอยากอธิบายสาเหตุของการปรับตัวลงครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจสถานการณ์และมีความมั่นใจมากขึ้นในช่วงเวลาเช่นนี้
ก่อนอื่น นักลงทุนต้องทำความเข้าใจว่าการปรับฐานของตลาดนั้นเป็นเรื่องปกติในวัฏจักรการลงทุน โดยเฉพาะหลังจากที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ตลาดจะต้องหยุดพักบ้าง โดยในช่วงเวลาแห่งความผันผวนนี้ แม้จะเกิดความไม่แน่นอน แต่บ่อยครั้งมักมอบโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนในระยะยาว
การปรับฐานครั้งล่าสุดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากหลายปัจจัย โดยปัจจัยแรก คือ การถือครองของนักลงทุนที่ค่อนข้างกระจุกตัว หมายความว่านักลงทุนจำนวนมากมีการลงทุนไปในทิศทางเดียวกัน ในสินทรัพย์หรือธุรกรรมบางประเภท เช่น การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI หรือ การ Short ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยการถือครองของนักลงทุนที่ค่อนข้างกระจุกตัว ทำให้ตลาดมีความเปราะบาง หากนักลงทุนพร้อมใจกันปิดสถานะที่ถือครองอยู่ ก็อาจทำให้ตลาดปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ การที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างกะทันหันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้นักลงทุนตัดสินใจปิดสถานะที่ถือครองอยู่อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ ‘Carry Trade’ เงินเยน หรือการที่นักลงทุนกู้ยืมเงินในประเทศที่มีดอกเบี้ยต่ำ (ในที่นี้หมายถึงเงินเยนของญี่ปุ่น) แล้วนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ซึ่งการที่นักลงทุนพร้อมใจกันปิดสถานะที่ถือครองอยู่ กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่กับสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก นำไปสู่การปิดสถานะในสินทรัพย์อื่นๆ ที่การถือครองของนักลงทุนค่อนข้างกระจุกตัว ในช่วงเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งในสหรัฐ ประกอบกับข้อมูลการจ้างงานล่าสุดที่อ่อนแอของสหรัฐ ยิ่งกระตุ้นให้กองทุนที่มีกรอบการลงทุนระยะสั้น ลดสัดส่วนการถือครองของตนและหยุดพักการซื้อ-ขายในช่วงฤดูร้อน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเช่นนี้ นักลงทุนจำเป็นต้องถอยหลังออกมามองภาพใหญ่และอย่าตัดสินใจตามอารมณ์ โดยก่อนการปรับฐานครั้งนี้ ตลาดหุ้นโลกได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 13% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี และแม้จะมีการเทขายหุ้นอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ส.ค.) ตลาดหุ้นโลกโดยรวมยังปรับตัวขึ้นเกือบ 10% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งได้รับแรงขับเคลื่อนจากหุ้นกลุ่ม AI โดยหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven ปรับตัวสูงขึ้นถึง 51% นับตั้งแต่ต้นปี ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงของตลาดในช่วงที่ผ่านมา เราสามารถมองการปรับฐานครั้งนี้เป็นเรื่องปกติ เพื่อที่ตลาดจะได้สร้างฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการปรับตัวขึ้นต่อในระยะข้างหน้า
ดังที่นักลงทุนระดับตำนานอย่าง Warren Buffett เคยให้คำแนะนำอันโด่งดังเอาไว้ว่า ‘จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และโลภเมื่อคนอื่นกลัว’ ซึ่งประโยคเหล่านี้แม้จะพูดง่าย แต่ทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม คำแนะนำนี้จะช่วยเตือนใจเราได้ว่า ในช่วงที่ตลาดเป็นขาลงอาจเปิดโอกาสให้เงินของคุณทำงานได้มากขึ้น
ที่ผ่านมา หากคุณเคยลังเลที่จะลงทุนเพราะคิดว่าตลาดมีราคาสูงเกินไปแล้ว ตอนนี้อาจเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่คุณจะเริ่มพิจารณาเข้าลงทุน เพราะการซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดปรับฐานจะช่วยลดต้นทุนเฉลี่ยของคุณได้ และยังเพิ่มโอกาสที่พอร์ตของคุณจะเติบโตในระยะยาว
ทั้งนี้ เรายังเชื่อว่า การจับจังหวะตลาดไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะไม่มีใครสามารถคาดเดาจุดต่ำสุดที่แน่นอนได้ และการพยายามทำเช่นนั้นมักทำให้นักลงทุนพลาดโอกาสมากมาย แต่สถิติในอดีตได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ตลาดมักจะฟื้นตัวกลับไปได้เสมอ และนักลงทุนที่ยังคง Stay Invested ก็มักจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวเหล่านี้
ตลาดในช่วงนี้อาจเป็นโอกาสดีให้คุณได้ลองทบทวนกลยุทธ์การลงทุนของตัวเอง เพื่อประเมินว่ายังสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวหรือไม่ ซึ่งทีมงานของเราพร้อมที่จะตอบทุกข้อสงสัยและอยู่เคียงข้างคุณในทุกภาวะตลาดเสมอ
ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจที่มีให้เราอย่างต่อเนื่อง เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายและจัดการทุกความซับซ้อนแทนคุณ เพื่อให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ในระยะยาว