เรากำลังอัปเดต Thematic Portfolio ของเรา
เราได้เปิดตัว Thematic Portfolio ครั้งแรกตั้งแต่ต้นปี 2022 เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในเทรนด์นวัตกรรมที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว และอาจเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยเราคัดสรรมาให้ทั้งหมด 4 ธีม ได้แก่ Technology Enablers, The Future of Consumer Tech, Healthcare Innovation และ Environment and Cleantechs
นับตั้งแต่นั้น โลกยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เราต้องพัฒนาขีดความสามารถ Thematic Portfolio ของเราให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซึ่งการอัปเดตครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2024 และจะมีการแจ้งเตือนผ่านแอปอีกครั้งเมื่อกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น
แนวทางในการบริหาร Thematic Portfolio ของเรา
โดยปกติแล้ว การลงทุนแบบ Thematic หรือการลงทุนตามธีม คือ การลงทุนในเทรนด์ระยะยาวและกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมโลกในอนาคต
แทนที่จะลงทุนในดัชนีตลาดทั่วไป การลงทุนตามธีมจะมุ่งเน้นไปที่เทรนด์หรือนวัตกรรมที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต เช่น AI หรือไบโอเทค ดังนั้น การลงทุนตามธีมจึงมุ่งหวังผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีทั่วไปในระยะยาว
และนี่คือแนวทางที่ StashAway ใช้เพื่อสร้าง Thematic Portfolio ให้กับคุณ
1. กำหนดองค์ประกอบหลักของธีม: เราเริ่มต้นด้วยการกำหนดขอบเขตของแต่ละธีม และวิเคราะห์ปัจจัยที่ขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจ หรือ Sub-theme ต่างๆ ภายใต้ธีมนั้นๆ เพื่อหาโอกาสเชิงโครงสร้างที่มีอยู่ในแต่ละธีม พร้อมกับพยายามลด Correlation ระหว่างกลุ่มธุรกิจให้ได้มากที่สุด เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพและรับประโยชน์จากการกระจายการลงทุนที่เหมาะสม
2. คัดสรร Best-in-class ETF: จากนั้น เราจะสำรวจ ETF ในตลาด เพื่อคัดสรร ETF ที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละ ‘กลุ่มธุรกิจ’ อย่างเป็นระบบ โดยวิเคราะห์จาก ผลการดำเนินงาน สภาพคล่อง ค่าธรรมเนียมโดยรวม รวมทั้งการตรวจสอบดัชนีอ้างอิง เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์การลงทุนของ ETF เหล่านั้นมีความเหมาะสม
3. ออกแบบ Asset Allocation ที่ Optimise ที่สุด และบริหารความเสี่ยง: สุดท้าย เราจะใช้เทคโนโลยีการลงทุน ERAA™ เป็นตัวกำหนด Asset Allocation ที่ Optimise ที่สุดสำหรับทั้ง ‘สินทรัพย์ตามธีม’ (ETF ที่ลงทุนตามกลุ่มธุรกิจ) และ ‘สินทรัพย์ปรับสมดุล’ (เช่น พันธบัตรสหรัฐระยะสั้น) เพื่อให้คุณได้ประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนในเทรนด์แห่งอนาคต โดยยังอยู่บนระดับความเสี่ยงที่คุณเลือกไว้
ทำไมต้องมีการอัปเดต Thematic Portfolio ในครั้งนี้?
โดยปกติแล้ว ERAA™ จะการทำ Re-optimisation เมื่อภาวะเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง โดยการทำ Re-optimisation คือ การปรับ Asset Allocation ของสินทรัพย์ตามธีมและสินทรัพย์ปรับสมดุลที่มีอยู่ในพอร์ตเท่านั้น เพื่อรักษาระดับความเสี่ยงให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจนั้นๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อโลกมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทำให้เกิดเทรนด์นวัตกรรมใหม่ๆ (เช่น Generative AI) รวมถึงการออก ETF ใหม่ๆ ในตลาด ทำให้เราต้องอัปเดต Thematic Portfolio เป็นประจำทุกๆ 2-3 ปี เพื่อคว้าโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
โดยการอัปเดตพอร์ตในครั้งนี้ เราได้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ดังนี้
1. การเติบโตอย่างรวดเร็วของเทรนด์นวัตกรรม: เทรนด์นวัตกรรมสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริงภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ตัวอย่างล่าสุดที่เห็นได้ชัดเจน คือ เทคโนโลยี AI ทำให้เราต้องมองหาโอกาสจากเทรนด์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และเป็นเหตุผลที่เราต้องยกระดับประสิทธิภาพการลงทุนใน AI ด้วยการเพิ่ม ETF ที่เน้นการลงทุนใน AI มาไว้ในธีม Technology Enablers ของเรา
2. ตัวเลือก ETF ที่เพิ่มขึ้น: เช่นเดียวกับพอร์ตการลงทุนอื่นๆ ที่บริหารโดย ERAA™ เราจะทำการคัดสรร ETF จากทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เราไม่พลาดโอกาสจาก ETF คุณภาพดีใหม่ๆ ดังนั้น ในการอัปเดตพอร์ตครั้งนี้ เราจึงเพิ่ม ETF ที่ติดตามเทรนด์ใหม่ๆ หรือที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากผู้จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก เช่น Global X, Invesco, SPDR และ Xtrackers
3. ยกระดับการบริหารความเสี่ยง: เรายังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับแนวทางการบริหารพอร์ตและการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับปรุงมาตรฐานการคัดเลือก ETF อยู่เสมอ ดังนั้น ในครั้งนี้เราจึงหยุดการลงทุนใน Active ETF และ ETF ที่มีสภาพคล่องลดลง เพื่อการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เราอัปเดต Thematic Portfolio อย่างไร?
นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นใน Thematic Portfolio ของเรา โดยคุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในแอปพลิเคชันของเรา
Technology Enablers
ธีม Technology Enablers ลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว และจะนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ บนโลกอีกมากมาย
- เรายังคงการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่สำคัญ เช่น โรโบติกส์ เซมิคอนดักเตอร์ ซอฟต์แวร์ และคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งยังคงเป็นรากฐานที่สำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่อไป
- เราปรับการลงทุนในกลุ่มธุรกิจ AI ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการลงทุนตรงใน Xtrackers’s Artificial Intelligence & Big Data UCITS ETF โดย ETF นี้ใช้กลยุทธ์แบบ Forward-looking เพื่อคว้าโอกาสจากการเติบโตอย่างมหาศาลจากเทคโนโลยี AI นอกจากนี้ เรายังเพิ่มการลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Cybersecurity ผ่าน First Trust’s Nasdaq Cybersecurity ETF เพื่อรับประโยชน์จาก Demand ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วไปสู่ยุคดิจิทัล
- เราเปลี่ยนการลงทุนในบล็อกเชนจาก Active ETF (Amplify’s Transformational Data Sharing ETF) ไปเป็น Passive ETF (Invesco’s CoinShares Global Blockchain UCITS ETF) ซึ่งจะทำให้เราสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
Future of Consumer Tech
ธีม Future of Consumer Tech ลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Consumer Tech ที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ผู้คนและจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนทั่วโลกในที่สุด
- เรายังคงการลงทุนในกลุ่มธุรกิจ ‘วิดีโอเกมและ E-sport’ ผ่านกองทุน VanEck’s Video Gaming and eSports ETF โดยกลุ่มธุรกิจนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ดีจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเกมมิ่ง การเติบโตของเกมมือถือ และความนิยมที่สูงขึ้นของ E-sport และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งทั่วโลก
- เราเปลี่ยนการลงทุนในกลุ่มธุรกิจอินเทอร์เน็ตและ FinTech ให้เป็น Passive ETF ผ่าน First Trust’s Dow Jones Internet Index Fund และ Global X’s FinTech ETF เพื่อบริหารความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้น
- เพื่อคว้าโอกาสในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไร้คนขับที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วให้ดียิ่งขึ้น เราจึงปรับ ETF ที่ลงทุนในกลุ่มธุรกิจนี้ไปเป็น Xtrackers’s Future Mobility UCITS ETF ที่ใช้กลยุทธ์แบบ Forward-looking เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน
Healthcare Innovation
ธีม Healthcare Innovation ลงทุนในกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมทางการแพทย์ ซึ่งไม่ใช่แค่การพัฒนาเทคโนโลยีในการรักษาโรค แต่รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยให้เราแข็งแรงขึ้น ฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น เพื่อพลิกโฉมวงการแพทย์ให้สามารถรักษาและดูแลสุขภาพของผู้คนทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เรายังคงการลงทุนในกลุ่มธุรกิจเภสัชกรรม อุปกรณ์ทางการแพทย์ และไบโอเทค แต่หยุดการลงทุนใน Active ETF และเปลี่ยน ETF บางตัวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับเพิ่มกองทุน SPDR’s S&P Biotech ETF เข้ามาในธีมนี้ด้วย
- เราหยุดการลงทุนในกลุ่มธุรกิจจีโนมิกส์และ Healthtech เนื่องจากมี Correlation ที่สูงกับกลุ่มธุรกิจไบโอเทค และมีสภาพคล่องน้อยกว่า
Environment and Cleantech
ธีม Environment and Cleantech ลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเร่งด่วนของมนุษยชาติอย่าง ‘สภาวะโลกร้อน’ เพราะอนาคตของโลกจะยั่งยืนหรือไม่ อยู่ที่ว่าเราจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้เร็วที่สุดอย่างไร
- เรายังคงการลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการจัดการน้ำและ Smart Grid เนื่องจากมีผลการดำเนินงานระยะยาวที่แข็งแกร่ง และมี Demand ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
- เรารวมการลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาดผ่าน iShares’s Global Clean Energy ETF เพียงตัวเดียว
- เราหยุดการลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานลมและบริการด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังหยุดการลงทุนในพันธบัตรสีเขียวเพื่อให้พอร์ตสามารถลงทุนในหุ้นได้มากขึ้นในแต่ละระดับความเสี่ยง
- เราเพิ่มการลงทุนในกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมยานยนต์ เพื่อคว้าโอกาสจากการที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า และเพิ่ม Global X’s Uranium ETF จากการที่บริษัทและประเทศต่างๆ กำลังหันไปใช้พลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เพื่อรองรับ Demand ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ AI (หมายเหตุ: ดัชนีอ้างอิงของ Global X’s Uranium ETF มีการกำหนดมาตรฐานอย่างเข้มงวดและชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทในดัชนีไม่มีการใช้งานยูเรเนียมที่ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์หรือในความขัดแย้งใดๆ)
การลงทุนแบบ Thematic สามารถเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเงินของคุณได้อย่างไร?
แม้การลงทุนแบบ Thematic จะช่วยให้คุณมีส่วนร่วมกับนวัตกรรมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและมีศักยภาพเติบโตสูงในระยะยาว แต่สิ่งสำคัญคือการพิจารณาให้สอดคล้องกับแผนการเงินโดยรวมของคุณและต้องไม่กระทบต่อเป้าหมายหลัก เช่น การออมเพื่อการเกษียณหรือเงินสำรองฉุกเฉิน
ก่อนที่จะเริ่มลงทุนแบบ Thematic คุณควรพิจารณาความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้และระยะเวลาการลงทุนของคุณ เพราะแม้การลงทุนในธีมต่างๆ เช่น AI ไบโอเทค หรือพลังงานสะอาด จะมีศักยภาพการเติบโตที่น่าสนใจ แต่ก็มาพร้อมกับความผันผวนที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น การลงทุนในธีมเหล่านี้จึงต้องอาศัยวินัยและความอดทน เพื่อรับมือกับความผันผวนในระยะสั้น
นี่คือเหตุผลว่าทำไม Thematic Portfolio ของเราไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่พอร์ตหลักอย่าง General Investing ซึ่งมีการกระจายการลงทุนที่ดีในหลากหลายสินทรัพย์ กลุ่มธุรกิจและภูมิภาค แต่มีไว้เพื่อทำงานร่วมกันในรูปแบบ ‘Core and Satellite’ เพื่อให้คุณสามารถลงทุนในธีมที่คุณเชื่อมั่นและคว้าโอกาสจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากธีมเหล่านี้ได้โดยไม่กระทบกับพอร์ตหลักและความมั่งคั่งโดยรวมมากเกินไป
หมายเหตุ: การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน; การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน