ทำไม StashAway ถึงคิดค่าธรรมเนียมได้ต่ำ
StashAway เริ่มก่อตั้งขึ้นด้วยแนวคิดที่ว่าบริการบริหารความมั่งคั่งระดับโลกไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายสูง เราจึงตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยีของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบประสบการณ์การลงทุนที่ดีที่สุดให้กับคุณและรักษาระดับค่าธรรมเนียมให้ต่ำอยู่เสมอ
เราคิดค่าธรรมเนียมการจัดการแบบขั้นบันได โดยจะอยู่ที่ 0.2%-0.8% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่ากองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศซึ่งมีค่าธรรมเนียมการขายประมาณ 0%-2% ต่อปีค่าธรรมเนียมการจัดการประมาณ 0.75%-2% ต่อปี และค่าธรรมเนียมกองทุนหลัก (Master Fund Fee) อีกประมาณ 0.5%-1.5% ต่อปี ค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่านี้จะช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า StashAway ลดค่าธรรมเนียมให้ต่ำลงได้อย่างไร
ลงทุนใน ETF ที่มีต้นทุนต่ำ
เราเลือกลงทุนใน ETF เพราะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ที่หลากหลายได้ทั่วโลก มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี และมีสภาพคล่องสูง ยิ่งไปกว่านั้น ETF ที่เราเลือกลงทุนยังมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำเพราะเป็นการลงทุนแบบ Passive ที่ใช้อัลกอริทึมในการบริหารจัดการเพื่อสร้างผลตอบแทนตามดัชนีที่อ้างอิง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีผู้จัดการกองทุนคอยตัดสินใจทำการซื้อ-ขายอยู่ตลอด
นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการพอร์ต
เทคโนโลยีหลักๆ ที่เรานำมาใช้ในการบริหารพอร์ต ได้แก่ ระบบบริหาร Asset Allocation ตามกลยุทธ์การลงทุน ERAA™ และระบบการทำ Rebalancing
ระบบของ ERAA™ จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจและราคาสินทรัพย์อยู่ตลอดเวลาเพื่อดูว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นอย่างไร แล้วจึงกำหนด Target Asset Allocation ที่เหมาะสมกับภาวะเศรฐกิจนั้นๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีตามระดับความเสี่ยงที่คุณกำหนด หรือถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ ระบบก็จะปรับ Asset Allocation ให้เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจใหม่ได้
ส่วนระบบ Rebalancing คือการปรับน้ำหนักการลงทุนของพอร์ตให้ตรงตาม Target Asset Allocation ที่วางไว้ ซึ่งระบบของเราจะทำการซื้อ-ขายสินทรัพย์โดยอัตโนมัติเมื่อสัดส่วนของสินทรัพย์ในพอร์ตมีการเปลี่ยนแปลงเกินเกณฑ์ที่กำหนด
เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารพอร์ตลงได้และเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนให้ดีที่สุด คุณจึงสามารถเข้าถึงการลงทุนระดับโลกด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่รายละเอียดค่าธรรมเนียมของ StashAway