มือใหม่ต้องรู้! วิธีเริ่มลงทุน S&P 500 ดัชนีที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว
การลงทุนในตลาดหุ้นมักดูซับซ้อนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ แต่หากเราศึกษาและเตรียมตัวอย่างเหมาะสม เราก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ และหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับการลงทุนระยะยาวคือ การลงทุนในดัชนี S&P 500 ที่รวบรวมบริษัทชั้นนำ 500 แห่งที่ใหญ่สุดในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ซึ่งดัชนีนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและการเติบโตของบริษัทที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ ของโลกนี้ด้วย
StashAway จะพาคุณไปทำความรู้จัก S&P 500 ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่กำลังมองหาทางเลือกในการลงทุน หรือเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์ และต้องการขยายพอร์ตการลงทุน บทความนี้จะเป็นแนวทางที่ช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจลงทุนผ่าน S&P 500 ได้อย่างมั่นใจ
โอกาสของการลงทุน S&P 500
1. ความหลากหลายของบริษัท
การลงทุนใน S&P 500 จะทำให้คุณได้ลงทุนในบริษัทชั้นนำ 500 แห่งในสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมแทบจะทุกอุตสาหกรรมสำคัญของโลก จึงเหมือนเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงไปในตัว โดยตัวอย่างบริษัทในดัชนีนี้ที่มีชื่อเสียงและทุกคนคงรู้จักเป็นอย่างดี ได้แก่ Apple, Microsoft, Amazon และ Facebook
2. ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 20 ปี เป็นเชิงบวก
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา S&P 500 มีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี การลงทุนในดัชนีนี้จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์ของการลงทุนระยะยาวได้ดี แม้ผลตอบแทนอาจมีการผันผวนขึ้นลงบ้างในแต่ละปี และผลตอบแทนในอดีตก็ไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต แต่ในระยะยาว เศรษฐกิจและหุ้นสหรัฐถือว่ายังมีแนวโน้มที่น่าสนใจ
3. โอกาสเติบโตไปพร้อมเศรษฐกิจของสหรัฐ
การลงทุน S&P 500 ย่อมเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของสหรัฐโดยตรง เพราะประกอบด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่ถึง 500 แห่ง ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตขึ้น ดัชนี S&P 500 ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าขึ้นจากรายได้และกำไรที่สูงขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นวิธีหนึ่งที่นักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐโดยไม่จำเป็นต้องหาข้อมูลบริษัทจำนวนมาก
ข้อควรระวังก่อนลงทุน S&P 500
1. ความผันผวนของตลาด
โดยทั่วไปตลาดหุ้นจะมีความผันผวนสูง ไม่เว้นแม้แต่การลงทุนใน S&P 500 การขึ้นลงของดัชนีจึงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะล้อไปตามสถานการณ์ตลาดได้เช่นกัน ดังนั้น เราควรถามตัวเองก่อนลงทุนว่า เราสามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนได้มากน้อยแค่ไหน
2. ค่าใช้จ่ายในการลงทุน
นักลงทุนควรตระหนักถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน หรือค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้นโดยตรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนสุทธิ การเลือกกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำไว้ก่อน จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาร่วมด้วย
3. ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย การลงทุน S&P 500 อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ขึ้นลงร่วมด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าการลงทุน เมื่อสกุลเงินบาทผันผวนสูงหากเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นหากไม่อยากเผชิญความเสี่ยงส่วนนี้มากเกินไป อาจพิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้
4. ความเสี่ยงจากการถดถอยของเศรษฐกิจ
ในกรณีที่เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ดัชนี S&P 500 อาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ดังนั้น ต้องพิจารณาแนวโน้มเหล่านี้ และประเมินความเสี่ยงว่าจะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหนก่อนเริ่มลงทุน
5. ความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาด
การลงทุนใน S&P 500 โดยเฉพาะหากเป็นการใช้วิธีจับจังหวะเข้าซื้อขาย ผู้ลงทุนจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของตลาดหุ้น เพราะหากตัดสินใจผิดพลาด อาจจะทำให้เกิดการขาดทุนหนักได้ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ อาจพิจารณาเริ่มลงทุนด้วยวิธี DCA หรือการลงทุนในจำนวนเท่าๆ กัน อย่างสม่ำเสมอ จะได้ไม่ต้องกังวลกับต้นทุนและลงทุนได้อย่างต่อเนื่องและสบายใจ
วิธีลงทุน S&P 500 แบบง่ายๆ ที่มือใหม่ก็ทำได้
1. กำหนดเป้าหมายการลงทุน
ขั้นตอนแรกที่ต้องทำ คือ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ต้องการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว หรือออมเงินเพื่อการเกษียณ เพราะการตั้งเป้าหมายจะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจความเสี่ยงและบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของคุณได้อย่างเหมาะสม และจะทำให้คุณสามารถแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนได้ตามแผนที่วางไว้ โดยการลงทุนใน S&P 500 อาจเหมาะกับเป้าหมายในระยะยาวมากกว่า เพราะมีความผันผวนสูงในระยะสั้น แต่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
2. เลือกผู้ให้บริการที่ถูกกฎหมาย
ขั้นตอนต่อมา คือ การเลือกบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หรือบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าคุณจะต้องการลงทุน S&P 500 ผ่านกองทุนรวม หรือกองทุน ETF
ทั้งนี้ ควรตรวจสอบใบอนุญาต ค่าธรรมเนียม เงื่อนไขการซื้อขาย และบริการที่จะได้รับ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการนั้นๆ เชื่อถือได้และตรงกับความต้องการของคุณ
3. เลือกกองทุนที่เหมาะสม
กองทุนรวม และกองทุน ETF ที่ลงทุนใน S&P 500 มีให้เลือกมากมาย ซึ่งการเลือกกองทุนควรพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัย เช่น ค่าธรรมเนียม สภาพคล่อง และประวัติการจัดการของกองทุน หากเลือกได้อย่างเหมาะสม จะช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวได้
4. การติดตามผลการลงทุน
หลังจากที่เริ่มลงทุนแล้ว ควรติดตามผลการลงทุนเป็นระยะ เพราะจะช่วยให้คุณรู้ว่าการลงทุนของคุณยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องมีการปรับพอร์ตอย่างไรบ้าง โดยการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันท่วงทีกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ คงจะเห็นแล้วว่าการลงทุน S&P 500 เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว แต่นักลงทุนยังคงต้องศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่ลงทุนไปนั้นจะถูกบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเติบโตตามที่คาดหวังไว้
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน S&P 500 โดยตรง Flexible Portfolio ของ StashAway อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยเราได้คัดสรร ETF ที่ดีที่สุดของแต่ละสินทรัพย์มาให้คุณเลือกลงทุนทั่วโลกได้ง่ายๆ แบบไม่มีขั้นต่ำบนแอปพลิเคชันของเรา