Weekly Buzz: ⚡AI และพลังงานอาจเติบโตไปพร้อมกัน

19 April 2024

แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

แม้จะพอรู้ว่าเทคโนโลยี AI บริโภคพลังงานมาก แต่หากคุณรู้ตัวเลขที่แท้จริงว่านวัตกรรมที่กำลังเปลี่ยนโลกของเรานี้ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาลแค่ไหน คุณก็อาจค้นพบธุรกิจผู้ชนะที่ซ่อนตัวอยู่ในเทรนด์ AI ที่กำลังเป็นกระแสหลักอยู่ในเวลานี้

อะไรที่คอยขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI?

เทคโนโลยี Generative AI จะต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากเพื่อประมวลผล จากนั้นจึงถ่ายทอดข้อมูลเหล่านั้นเป็นคำพูด ตัวหนังสือ รูปภาพหรือวิดีโอ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้จะต้องมี Data Centre รองรับ ดังนั้น Demand ของ Data Centre ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมาก จึงสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้ในปัจจุบัน แค่ Microsoft บริษัทเดียว ยังต้องเปิด Data Centre แห่งใหม่ทุกๆ 3 วัน

ด้วยความเร็วระดับนี้ ธุรกิจ Data Centre กำลังจะเติบโตอย่างมาก โดยภายในปี 2035 ความต้องการพลังงานของ Data Centre ในสหรัฐจะสูงกว่า 480 TWh (Terawatt Hour) ต่อปี ซึ่งสูงกว่าความต้องการในปีนี้กว่า 2 เท่า และคิดเป็นเกือบ 1 ใน 10 ของพลังงานที่สหรัฐใช้ทั้งประเทศ

ในระดับโลก International Energy Agency (IEA) ประเมินว่า ความต้องการพลังงานของ Data Centre อาจปรับตัวขึ้นเกิน 1,000 TWh ภายในปี 2026 ซึ่งมากกว่าปี 2022 ถึง 2 เท่า และเท่ากับการใช้พลังงานทั่วทั้งประเทศเยอรมนี

เรื่องนี้ส่งผลต่อนักลงทุนอย่างไร?

Demand ของ Data Centre ที่เพิ่มสูงขึ้น หมายความว่า โครงข่ายการจ่ายกระแสไฟฟ้า (Power Grid) จะต้องได้รับการพัฒนาเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบัน บริษัทไฟฟ้าต้องเผชิญความท้าทายในการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ทัน Demand ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น หากคุณเชื่อว่าเทคโนโลยี AI จะอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งในระยะข้างหน้า คุณก็ต้องเชื่อมั่นด้วยว่า โครงสร้างพื้นฐานของพลังงานไฟฟ้าจะได้รับการพัฒนาไปพร้อมๆ กัน

ทั้งนี้ Demand ของพลังงานไฟฟ้าได้ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกับ Demand ของพลังงานทดแทน ซึ่งเราได้เห็นแล้วว่าโลกของเรากำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานสะอาด โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Microsoft ต่างตั้งเป้าที่จะดำเนินกิจการโดยใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น

หากคุณอยากมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คุณอาจพิจารณาบริษัทที่ลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานทดแทน โดยธีม Environment and Cleantech ภายใต้ Thematic Portfolio ของเรา อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะมีการกระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาดและระบบโครงสร้างพื้นฐาน

💡 Investors’ Corner: ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด

การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและอังกฤษ ไปจนถึงตัวเลข GDP ของจีน ล้วนส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินโลก เพราะข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนสภาพเศรษฐกิจหลักของโลกเท่านั้น แต่ยังทำให้นักลงทุนคาดการณ์ทิศทางของนโยบายการเงินและตลาดในระยะข้างหน้าได้

ยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าคาด แม้จะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ก็เป็นการบ่งชี้ว่าเป้าหมายลดเงินเฟ้อของ Fed ให้อยู่ที่ระดับ 2% อาจต้องใช้เวลานานขึ้น โดย Fed อาจเลื่อนการลดดอกเบี้ยไปเป็นเดือน ก.ย. นี้ เพราะปัญหาเงินเฟ้อที่ยังยืดเยื้อ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน ขณะที่ เงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงของอังกฤษ อาจนำไปสู่การตัดสินใจลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในเดือน ส.ค. นี้

สำหรับทวีปเอเชีย GDP จีนขยายตัวเหนือความคาดหมายที่ 5.3% ใน Q1/2024 (อ่านเพิ่มเติมได้ใน Simply Finance) ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับจีนที่ตั้งเป้าว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 5% ในปีนี้ ส่วนตลาดหุ้นอินเดียยังคงคึกคัก โดยนักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกในขณะที่ชาวอินเดียเริ่มเดินเข้าคูหาเลือกตั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 เม.ย.)

ทั้งนี้ ข้อมูลทางเศรษฐกิจถือเป็นส่วนสำคัญของชีวิตนักลงทุน โดยการอัปเดตข้อมูลทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย จะช่วยให้คุณเข้าใจความเคลื่อนไหวของตลาด และช่วยให้คุณวางกลยุทธ์การลงทุนของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

🎓Simply Finance: การเติบโตของ GDP

การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP คือ การวัดว่าเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ ขยายตัวหรือหดตัวในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยปกติแล้วจะวัดเป็นรายไตรมาสหรือรายปี เปรียบได้กับการขึ้นชั่งน้ำหนักเพื่อดูว่าเรามีน้ำหนักมากขึ้นหรือลดลงแค่ไหน แต่แทนที่จะวัดเป็นกิโลกรัม GDP จะวัดมูลค่าของสินค้าและบริการทุกชนิดที่ผลิตขึ้นในประเทศนั้นๆ โดยการเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่ง หมายความว่าเศรษฐกิจกำลังขยายตัว ธุรกิจต่างๆ กำลังเจริญรุ่งเรือง และประชาชนก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในทางกลับกัน หากการเติบโตของ GDP ชะลอตัวหรือติดลบ ก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาเศรษฐกิจได้


แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ