Weekly Buzz: ❄️ ทำไม ‘ตลาดหมี’ ไม่ได้เกิดขึ้นตามคาด?

15 November 2024

แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนที่คาดว่าตลาดสหรัฐจะเป็นขาลง (ตลาดหมี) อาจต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่กลับกัน นักลงทุนที่มองตลาดในแง่บวก (ตลาดกระทิง) กลับประสบความสำเร็จมากกว่า มาดูกันว่าเพราะเหตุใดเศรษฐกิจสหรัฐถึงยังไม่เกิดภาวะ Recession ในช่วงนี้อย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้

ทำไมถึงไม่เกิด Recession?

ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐ และ Nikkei 225 ของญี่ปุ่นแสดงให้เห็นความทนทานได้อย่างน่าทึ่ง โดยทั้ง 2 ดัชนีสามารถฟื้นตัวจากช่วง COVID-19 และเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับการขึ้นดอกเบี้ยจาก Fed ที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แม้แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ ‘Carry Trade’ และทำให้ตลาดทั่วโลกปรับตัวลง แต่การปรับตัวลงนี้ก็เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

ความทนทานนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ ประกอบไปด้วยดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับเกือบ 0% นานหลายปี การซื้อพันธบัตรจำนวนมหาศาลของธนาคารกลางต่างๆ รวมถึงการแจกเงินให้ผู้บริโภคในช่วง COVID-19 และเมื่อการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐจบลง ตลาดก็มีเหตุผลใหม่ที่จะมองตลาดในแง่บวกต่อไป เนื่องจากจุดยืนที่สนับสนุนภาคธุรกิจของ Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ (อ่านเพิ่มเติมได้ใน CIO Update: การกลับมาของ Donald Trump ส่งผลอย่างไรต่อการลงทุนของคุณ?)

ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นจะไม่สามารถสะท้อนภาพเศรษฐกิจได้ 100% แต่ทั้งสองมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อเศรษฐกิจมีการเติบโต ผลกำไรของบริษัทก็มักจะแข็งแกร่งตามไปด้วย

อีกปัจจัยหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ คือ การเพิ่มขึ้นของ Productivity โดย Productivity ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐ กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดยความได้เปรียบทางเทคโนโลยี ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ยังคงเป็นจุดแข็งที่ช่วยต้านทานแรงกดดันของภาวะ Recession ได้เป็นอย่างดี

Key Takeaway

สถานการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้ให้บทเรียนแก่เราว่าการพยายามทำนายตลาดอาจมี ‘ต้นทุนที่ต้องจ่าย’ เพราะในขณะที่นักลงทุนจำนวนมากคาดการณ์ว่าตลาดกำลังเป็นขาลง แต่เหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น ทำให้กลยุทธ์ง่ายๆ อย่างการ Stay Invested กลายเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลเป็นอย่างดี

ดังนั้น นักลงทุนจึงควรโฟกัสไปที่การสร้างพอร์ตที่มีการกระจายการลงทุนที่ดี เพื่อรับมือกับทุกภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งพอร์ต General Investing ของเรา อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะมีการกระจายการลงทุนที่ดีในหลากหลายสินทรัพย์ กลุ่มธุรกิจและภูมิภาค ที่สำคัญ ยังมีการปรับสัดส่วนสินทรัพย์ให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจโดยอัตโนมัติด้วย ส่วนใครที่ต้องการจัดพอร์ตด้วยตัวเองมากขึ้น เช่น การลงทุนแบบเจาะจงในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ของสหรัฐ Flexible Portfolio ของเรา ถูกออกแบบมาให้คุณสามารถ Customise พอร์ตด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย

📰 ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ: Fed และ BoE ลดดอกเบี้ยอีกครั้งด้วยความระมัดระวัง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ที่ 0.25% ซึ่งน้อยกว่าครั้งแรก แม้ว่าตลาดแรงงานจะเริ่มอ่อนตัวลง แต่เศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมยังคงแสดงให้เห็นความทนทาน ทำให้ Fed มีทางเลือกมากขึ้นในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนสำหรับปีหน้า เนื่องจากนโยบายการค้าของ Trump เช่น การเก็บภาษีนำเข้า 10% จากประเทศอื่นๆ และ 60% สำหรับประเทศจีน อาจทำให้ภาษีนำเข้าเฉลี่ยพุ่งขึ้นเป็น 17% ตามรายงานของ Barclays ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1935 และอาจส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้น และเป็นอุปสรรคต่อการจัดการเงินเฟ้อของ Fed

ทางฝั่งยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ของปีเช่นกัน โดยการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้น่าแปลกใจมากนัก เนื่องจากเงินเฟ้อในอังกฤษลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา แม้ BoE จะเตือนว่างบประมาณชุดล่าสุดของรัฐบาลอังกฤษอาจส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นในระยะข้างหน้า แต่ก็อาจช่วยให้เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวได้ 0.75% ในปี 2025 โดยความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้ออาจพุ่งสูงขึ้นและเศรษฐกิจอังกฤษจะเติบโตมากขึ้น ทำให้ BoE เลือกออกนโยบายด้วยความระมัดระวัง แสดงให้เห็นว่าน่าจะไม่มีการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจนกว่าจะถึงปีหน้า

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

🎓 Simply Finance: ตลาดกระทิง vs ตลาดหมี

ในโลกการลงทุน ‘ตลาดกระทิง’ และ ‘ตลาดหมี’ หมายถึง มุมมองตลาดที่ตรงกันข้ามกัน และมีวิธีจำง่ายๆ ว่าฝั่งไหนเป็นฝั่งไหนด้วยการนึกถึงวิธีจู่โจมของสัตว์ทั้งสองชนิด โดยกระทิงจะพุ่งเอาเขาขึ้นขวิดด้านบน เปรียบได้กับนักลงทุนที่มองตลาดในแง่บวกและเชื่อว่าราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหมีจะตวัดกรงเล็บลงด้านล่าง เปรียบได้กับนักลงทุนที่มองตลาดในแง่ลบและคาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลง


แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ