Weekly Buzz: 🧢 ทำไมหุ้น Small-cap ถึงน่าสนใจตอนนี้?

06 December 2024

แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

เรามักได้ยินคนพูดถึงหุ้นยักษ์ใหญ่ชื่อดังกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ยังมีหุ้นขนาดเล็กจำนวนมากที่น่าสนใจไม่แพ้กัน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมหุ้น Small-cap หรือบริษัทที่มีมูลค่าตลาดค่อนข้างต่ำ อาจมีปีที่น่าสนใจรออยู่

ทำไมต้องหุ้น Small-cap ตอนนี้?

สถิติชี้ให้เห็นว่าหุ้น Small-cap ในสหรัฐ มักให้ผลตอบแทนที่ดีหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยเฉพาะเมื่อมี 3 ปัจจัยสำคัญเกิดขึ้นพร้อมกัน ได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจ (✅) การลดอัตราดอกเบี้ย (✅) และนโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจ (✅) ซึ่งแม้ว่าผลงานในอดีตจะไม่สามารถรับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ แต่ก็มีปัจจัยบวกหลายประการที่อาจช่วยสนับสนุนบริษัทขนาดเล็กเหล่านี้ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ ดัชนี Russell 2000 Index ซึ่งติดตามบริษัท Small-cap ในสหรัฐ ได้ปรับตัวสูงขึ้นหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบริษัทเหล่านี้มักเน้นไปที่ตลาดภายในประเทศมากกว่า ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบเนื่องจากนโยบาย ‘America-first’ หรือสหรัฐต้องมาก่อนของ Donald Trump

ขณะที่ การลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของ Fed ก็เป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ เนื่องจากบริษัท Small-cap มักมีภาระหนี้ในสัดส่วนที่สูงกว่าบริษัทขนาดใหญ่ ดังนั้น ต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงจึงอาจช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้ง การลดดอกเบี้ยยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นผลดีอย่างมากต่อบริษัทขนาดเล็กที่มุ่งเน้นตลาดภายในประเทศ

นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีนิติบุคคลของ Trump ยังอาจส่งผลดีเป็นพิเศษต่อบริษัท Small-cap เพราะปกติแล้ว บริษัทเล็กๆ มักจ่ายภาษีใกล้เคียงกับอัตราภาษีท้องถิ่น ต่างจากบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ที่มีโครงสร้างภาษีระหว่างประเทศที่ค่อนข้างซับซ้อน 

Key Takeaway

โดยทั่วไปแล้ว หุ้น Small-cap จะมาพร้อมกับความเสี่ยงเฉพาะตัว เพราะมักมีความผันผวนสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ และอาจเผชิญอุปสรรคมากกว่าในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็มีข้อได้เปรียบที่น่าสนใจ เพราะด้วยขนาดที่เล็กกว่า ทำให้พวกเขามีพื้นที่สำหรับการเติบโตมากกว่า และมักปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมได้เร็วกว่า

แม้ว่านักลงทุนจำนวนมากมักเลือกลงทุนในหุ้น Large-cap ที่มีชื่อเสียงมากกว่า แต่การมีส่วนร่วมในหุ้นขนาดเล็กจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้พอร์ตของคุณได้ โดยการทำ Re-optimisation ของเราเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นมุมมองนี้ด้วยการเพิ่ม ETF ที่ติดตามดัชนี S&P 500 แบบ Equal-weight เข้ามาในพอร์ต General Investing ของเรา เพื่อการกระจายการลงทุนที่ดีในหุ้นหลากหลายขนาด ซึ่งคุณสามารถเลือกลงทุนแบบเจาะจงใน ETF นี้ผ่าน Flexible Portfolio ของเราได้ด้วย

📰 ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ: โรงงานจีนเดินหน้าเต็มสูบ ก่อนสหรัฐเพิ่มภาษีนำเข้า

บรรดาโรงงานในจีนต่างเร่งผลิตสินค้าอย่างรวดเร็วในเดือน พ.ย. ทำให้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคการผลิต ของ Caixin/S&P Global ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ 51.5 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 50.5 (ตัวเลขที่เกิน 50 หมายถึงการขยายตัว) และยังสอดคล้องกับข้อมูล PMI ของรัฐบาลจีนที่แสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตแข็งแกร่งขึ้น

ดูเหมือนว่าการขยายตัวครั้งนี้จะได้รับแรงขับเคลื่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และความกังวลเรื่องนโยบายการค้าของสหรัฐในระยะข้างหน้า เนื่องจาก Trump ให้สัญญาว่าจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนมากกว่าประเทศอื่นๆ 10% ทำให้ผู้ผลิตต่างเร่งจัดส่งสินค้าก่อนที่จะมีการเพิ่มกำแพงภาษี นอกจากนี้ คำสั่งซื้อสินค้าใหม่ยังเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยบริษัทต่างๆ ให้เหตุผลว่าเป็น ‘การสต็อกสินค้าหลังการเลือกตั้งสหรัฐ’

แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดจะเริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์ยังไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด เนื่องจากการจ้างงานยังคงหดตัว และต้นทุนการผลิตยังเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 5 เดือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อ Margin กำไรของผู้ผลิต อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในภาคการผลิตได้ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน และรัฐบาลจีนยังคงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 5% สำหรับปี 2025

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

🎓 Simply Finance: หุ้น Small-cap

หุ้น Small-cap หมายถึงบริษัทขนาดเล็กที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โดยคำว่า ‘cap’ ย่อมาจาก Market Capitalisation หรือมูลค่าตลาดของบริษัท ซึ่งคำนวณโดยการนำราคาหุ้นมาคูณกับจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท และแม้ว่าจะมีการกำหนดนิยามที่แตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้ว หุ้น Small-cap มักมีมูลค่าตลาดระหว่าง 300 ล้านถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ให้ลองนึกภาพการทำธุรกิจในเมืองๆ หนึ่ง เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างหุ้น Small-cap กับหุ้น Large-cap เช่น ถ้าหุ้น Large-cap เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ หุ้น Small-cap ก็เหมือนร้านค้าปลีกท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งและมีขนาดใหญ่พอที่จะเป็นธุรกิจที่มั่นคงแล้ว


แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ