Weekly Buzz: ☀️พลังงานสะอาดกำลังจะแซงพลังงานฟอสซิลถึง 2 เท่า

28 June 2024

แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

ปัจจุบัน การบริโภคพลังงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ สังคมเมือง และจำนวนประชากร รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานมหาศาลอย่าง AI และการสร้าง Data Centre ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

พลังงานสะอาดเริ่มทิ้งห่างพลังงานฟอสซิล

ข้อมูลจากรายงานฉบับใหม่ของ International Energy Agency (IEA) พบว่า การลงทุนด้านพลังงานทั่วโลกจะแตะระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกภายในปีนี้

โดยเม็ดเงินราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ฯ จากทั้งหมด จะลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานทดแทน ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และเชื้อเพลิง Low-carbon ขณะที่อีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ฯ จะลงทุนในกลุ่มถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน

หากตัวเลขดังกล่าวเป็นไปตามคาด จะนับเป็นครั้งแรกที่กลุ่มพลังงานสะอาดมีเม็ดเงินลงทุนมากกว่ากลุ่มพลังงานฟอสซิลถึง 2 เท่า นำโดยธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีแนวโน้มจะแตะระดับ 500,000 ล้านดอลลาร์ฯ ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าอื่นๆ ทั้งหมดรวมกัน

เห็นได้ชัดว่าเม็ดเงินลงทุนในกลุ่มพลังงานสะอาดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงทำให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะถูกชดเชยจากการคลี่คลายของปัญหา Supply Chain และราคาสินค้าต่างๆ ที่เริ่มลดลง

ยกตัวอย่างเช่น ราคาของแผงโซลาร์ได้ลดลงถึง 30% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และราคาของวัสดุอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานสะอาดก็ปรับตัวลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลหะที่จำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่อย่างแร่ลิเธียม

เรื่องนี้ส่งผลต่อนักลงทุนอย่างไร?

ปัจจุบัน ภูมิทัศน์ด้านพลังงานทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดย IEA เรียกร้องให้มีการลงทุนในพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นอีกเพื่อยับยั้งปัญหาโลกร้อน ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนระยะยาว 

หากคุณอยากมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานสะอาด Thematic Portfolio ของเรา อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะมีการกระจายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมที่กำลังเปลี่ยนโลกของเรา โดยธีม Environment and Cleantech ภายใต้ Thematic Portfolio จะลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาด ระบบกักเก็บพลังงานและ Smart Grid รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนต่างๆ

📰 ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ: เงินดอลลาร์ฯ ยังแข็งค่า

ปัจจุบัน เงินดอลลาร์ฯ กำลังทรงตัวอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่ลดความร้อนแรงลงในเดือนนี้ ทำให้ US Dollar Index (อ่านเพิ่มเติมได้ใน Simply Finance) เคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 105 จุดในขณะนี้

ขณะที่ เงินเยนแกว่งตัวอยู่ที่ราว 160 เยนต่อดอลลาร์ฯ ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องออกมาให้สัญญาณว่าอาจมีการแทรกแซงค่าเงินเยนหากจำเป็น โดยค่าเงินเยนปรับตัวลดลง 1.4% ในเดือนนี้และร่วงลงมากกว่า 10% ตั้งแต่ต้นปี เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ฯ และยังถูกซ้ำเติมจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ชะลอการลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงความขัดแย้งด้านนโยบายภายในประเทศเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ปัจจุบัน นักลงทุนกำลังจับตามองตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐครั้งต่อไป ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของ Fed ในอนาคต โดยบรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ของสหรัฐ (ซึ่ง Fed มักใช้วัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ) ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ +2.6% YoY และหากเราเห็นตัวเลขนี้ต่ำกว่าคาด จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่ Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. นี้ ซึ่งปัจจุบัน ตลาดให้โอกาสอยู่ที่ประมาณ 60%

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

🎓 Simply Finance: Currency Index (ดัชนีสกุลเงิน)

Currency Index หรือดัชนีสกุลเงิน จะวัดการแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินสกุลใดสกุลหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ของโลก เช่น US Dollar Index ก็จะเปรียบเทียบค่าเงินดอลลาร์ฯ กับ ‘ตะกร้า’ เงินสกุลหลักอื่นๆ เช่น ยูโร เยน และปอนด์

หาก US Dollar Index ปรับตัวสูงขึ้น หมายความว่า เงินดอลลาร์ฯ กำลังแข็งค่าขึ้น ทำให้คุณสามารถใช้เงินดอลลาร์ฯ แลกเงินสกุลอื่นได้มากขึ้น ในทางกลับกัน หากดัชนีปรับตัวลง ก็หมายความว่าเงินดอลลาร์ฯ กำลังอ่อนค่าลง ทำให้คุณสามารถใช้เงินดอลลาร์ฯ แลกเงินสกุลอื่นได้น้อยลง โดยดัชนีค่าเงินจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวัดความแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินสกุลใดสกุลหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนของเงินแต่ละสกุล


แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ