Weekly Buzz: ⏰ เตรียมตัวอย่างไร? เมื่อ Fed จะลดดอกเบี้ยในปีหน้า
ประเด็นที่ตลาดกำลังให้ความสนใจมากที่สุดในตอนนี้ คือ การที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า หลัง Fed ส่งสัญญาณว่ามีความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2024 โดยท่าที Dovish ของ Jerome Powell ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่านั้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามนี่คือเรื่องใหญ่ของโลกการลงทุน เพราะดอกเบี้ยที่กำลังจะปรับตัวลดลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะหุ้น Growth ที่ราคาขึ้นอยู่กับผลกำไรในอนาคต
ตลาดตอบรับข่าวดังกล่าวอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อวันพุธ (13 ธ.ค.) ตลาดหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในวันแถลงอัตราดอกเบี้ยของ Fed นับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกปี 2008 และอาจปรับตัวขึ้นได้อีก เห็นได้จากครั้งล่าสุดที่ Fed เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2019 ทำให้ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นราว 30% ส่วนหุ้นกู้คุณภาพดีให้ผลตอบแทนอย่างแข็งแกร่งที่ 9% และจากข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 1965 หากเศรษฐกิจสามารถ Soft Landing ได้ (แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก) ดัชนี S&P 500 จะปรับตัวขึ้นได้เฉลี่ย 15% ภายใน 1 ปีนับตั้งแต่ Fed ลดดอกเบี้ยลงครั้งแรก ดังนั้นคำถามสำคัญ คือ แนวโน้มเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างไรกับพอร์ตของคุณ?
3 Takeaways สำหรับนักลงทุน
1. พิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ แทนการถือเงินสด เพราะการถือเงินสดมากเกินไปอาจทำให้โอกาสในการสร้างผลตอบแทนของคุณลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเชื่อว่าธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่คาด ดังนั้นคุณอาจพิจารณาคว้าโอกาสที่ Yield ยังอยู่ในระดับสูงนี้ เพราะเงินเฟ้อที่ลดความร้อนแรงลงและการที่ Fed ได้หยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ Yield ของตราสารหนี้อาจถึงระดับสูงสุดแล้ว ซึ่งหมายความว่าในปี 2024 Yield มีโอกาสปรับตัวลดลง ซึ่งจะทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยคุณอาจเลือกลงทุนในพอร์ตต้นแบบ Passive Income ที่อยู่ภายใต้ Flexible Portfolio ของเรา ซึ่งลงทุน 99% ในตราสารหนี้ทั่วโลก
2. พิจารณาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นสำหรับการลงทุนในระยะยาว เช่น ตลาดเกิดใหม่ (EM) เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐมักจะอ่อนค่าลงเมื่อดอกเบี้ยปรับตัวลดลง ทำให้ Yield ของพันธบัตรสหรัฐอาจลดลงเช่นกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจและหุ้นในตลาด EM โดยอินเดียถือว่าเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นจากแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง ส่วนในสหรัฐ สินทรัพย์ที่ยัง Laggard หรือไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก เช่น หุ้นขนาดเล็ก, หุ้น Value, กอง REITs, หุ้นเทคโนโลยีขนาดรอง และตราสารหนี้ที่ให้ Yield ระดับสูง อาจทำผลงานได้ดีในปี 2024 บนสมมติฐานว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่เข้าสู่ Recession
3. อย่าประเมินการปรับตัวขึ้นของตลาดต่ำเกินไป เพราะด้วยอัตราดอกเบี้ยระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนได้เก็บเงินเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไว้ใน Money Market และสินทรัพย์ระยะสั้น ซึ่งหากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงในปี 2024 Yield เหล่านี้ก็จะปรับตัวลดลงตาม และอาจทำให้เงินจำนวนมหาศาลนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของตลาด
เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize
Outlook ของเราในปี 2024
ปัจจุบัน ตลาดได้เปลี่ยนความคาดหวังจาก ‘Recession’ มาเป็น ‘Soft Landing’ โดยคุณ Stephanie Leung, Group CIO ของเราได้แชร์มุมมองเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและผลตอบแทนต่างๆ ในปี 2024 โดยรอติดตามได้ใน CIO Insights สัปดาห์หน้า
สำหรับ Weekly Buzz จะกลับมาอีกครั้งในปี 2024 ทีมงานทุกคนที่ StashAway จึงขออวยพรล่วงหน้าให้ทุกท่านมีความสุขในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้