Weekly Buzz: ✂️ Fed ลดดอกเบี้ย ส่งผลอย่างไรต่อพอร์ตของคุณ?

13 September 2024

แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ

Fed เตรียมที่จะเริ่มวงจรการลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า โดยบรรดา Trader มองว่า การลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18 ก.ย. นี้ ค่อนข้างแน่นอนแล้ว เหลือแต่ประเด็นสำคัญ คือ Fed จะเลือกลดดอกเบี้ย 0.5% หรือ 0.25%? แต่ไม่ว่าจะลดมากน้อยแค่ไหน อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมและพอร์ตของคุณในหลากหลายมิติ 

Fed จะลดดอกเบี้ยมากแค่ไหน?

ข้อมูลในตลาดแรงงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกครั้งสุดท้ายก่อนการตัดสินใจของ Fed ระบุว่า มีตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐ 142,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าเดือน ก.ค. (89,000 ตำแหน่ง) แต่ต่ำกว่าคาดการณ์ (161,000 ตำแหน่ง) ขณะที่ อัตราการว่างงาน ลดลงมาอยู่ที่ 4.2% จากเดือน ก.ค. ที่ 4.3%

ตัวเลขที่ออกมาค่อนข้างคลุมเครือ แต่ดูเหมือนว่าตลาดกำลังมั่นใจว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 18 ก.ย. นี้ และเมื่ออ้างอิงราคาสินทรัพย์ในตลาด Futures (อ่านเพิ่มเติมได้ใน Simply Finance) บรรดา Trader คาดว่าน่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% สองครั้ง และ 0.5% หนึ่งครั้ง ภายในสิ้นปีนี้ (ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอยู่ที่ 5.25%-5.5%)

ส่งผลอย่างไรต่อพอร์ตของคุณ?

สำหรับหุ้น: โดยทั่วไปแล้ว การลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้น เพราะต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงจะกระตุ้นให้ภาคธุรกิจและผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น ส่วน Yield ของสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดก็จะน่าดึงดูดน้อยลง ทำให้นักลงทุนอาจหันไปหาสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของการลดดอกเบี้ยอาจแตกต่างกันไปตามบริบททางเศรษฐกิจ เช่น ในสถานการณ์ ‘Soft Landing’ (การควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายได้โดยไม่ทำให้เกิดภาวะ Recession) ดัชนี S&P 500 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% โดยเฉลี่ย ในช่วง 1 ปีหลังลดดอกเบี้ยครั้งแรก

สำหรับตราสารหนี้: ตามที่เรากล่าวไว้ใน CIO Insights: คู่มือการลงทุนตราสารหนี้ฉบับเจาะลึกว่า ตลาดตราสารหนี้ได้เกิดการ ‘Reset ครั้งใหญ่’ โดยปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 25 ปี ทำให้นักลงทุนตราสารหนี้มีโอกาสที่ดีกว่าเมื่อ 2-3 ปีก่อนมากที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับเกือบ 0%

เมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มลดลง ราคาตราสารหนี้ที่มีอยู่เดิมในตลาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าตราสารหนี้ที่ออกใหม่ ทำให้ปัจจุบัน การ ‘Lock In’ Yield ในระดับสูงเช่นนี้ อาจเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนเพราะนอกจากจะได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าแล้ว ยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งหากคุณไม่อยากพลาดโอกาสนี้ จุดเริ่มต้นที่ดีอาจเป็นการลงทุนในพอร์ตต้นแบบ Passive Income ที่อยู่ภายใต้ Flexible Portfolio ของเรา ที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีในตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก

Key Takeaway

การติดตามแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดยังคงเป็นการยึดมั่นกลยุทธ์การลงทุนในระยะยาว โดยเราได้วิเคราะห์วงจรการลดดอกเบี้ย 21 ครั้งของ Fed ก่อนหน้านี้ พบว่า ผลตอบแทนของทุกสินทรัพย์มักจะทรงตัวหลังการลดดอกเบี้ย แต่เมื่อเวลาผ่านไป สินทรัพย์ต่างๆ ก็มักจะปรับตัวสูงขึ้น นำโดยตราสารหนี้ที่มักจะฟื้นตัวได้ก่อน ตามมาด้วยหุ้น  

สำหรับนักลงทุน การมีพอร์ตที่มีการกระจายการลงทุนที่ดี จะเปรียบเสมือนตาข่ายที่คอยดักจับโอกาสในทุกสภาวะตลาด เช่น พอร์ต General Investing ของเรา😎ที่มีการกระจายการลงทุนที่ดีในหลากหลายสินทรัพย์ กลุ่มธุรกิจและภูมิภาค เพียงแค่คุณ Stay Invested อย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะได้รับประโยชน์จากทุกวัฏจักรของตลาด รวมถึงวงจรการลดดอกเบี้ยที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ ด้วย

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

🎓 Simply Finance: ตลาด Futures

เวลานักวิเคราะห์พูดว่า ‘ตลาดคาดการณ์’ ในเรื่องใดๆ ก็ตาม พวกเขาไม่ได้หมายถึง Sentiment ตลาดทั่วๆ ไป แต่บ่อยครั้ง พวกเขามักอ้างถึงข้อมูล เช่น ราคาสินทรัพย์ในตลาด Futures

Futures คือ สัญญาซื้อ-ขายสินทรัพย์ล่วงหน้าในราคาที่กำหนดกันไว้ โดยบรรดา Trader และนักลงทุนสถาบันที่มีเครื่องมือวิจัยอย่างครบครัน จะทำการซื้อ-ขายสัญญา Futures ตามทิศทางที่พวกเขาเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต (เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย) ทำให้ราคาของสัญญา Futures ก็มักจะเคลื่อนไหวตามทิศทางที่ตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

💼 Data in Brief: 9-13 ก.ย.

ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐล่าสุด แสดงให้เห็นว่า core CPI (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เพราะเงินเฟ้อในภาคบริการยังคงยืดเยื้อ แม้ราคาสินค้าจะปรับตัวลง โดยตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่า Fed อาจเลือกลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า แทนที่จะเป็น 0.5%

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ การที่ Fed เริ่มลดดอกเบี้ย ซึ่งในแง่ผลกระทบทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะเป็นการลดแรงกดดันทางการเงินที่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจต้องเผชิญมาอย่างยาวนาน และสำหรับนักลงทุน สถิติในอดีต แสดงให้เห็นว่า การเริ่มต้นของวงจรการลดดอกเบี้ยมักจะส่งผลดีต่อสินทรัพย์หลากหลายประเภทในระยะยาว ดังที่เห็นในตารางด้านบน

- ทีมงานด้านการลงทุนของ StashAway


แชร์บทความนี้

  • linkedin
  • facebook
  • twitter
  • email

อยากอ่านเพิ่ม?

เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์ จากบทความของเรา

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนอีกหลายแสนคนที่ต้องการวางแผนการเงินและการลงทุนอย่างยั่งยืนด้วยการสมัครรับบทความและบทวิเคราะห์ของเราที่จะส่งตรงถึงอีเมลของคุณ