Weekly Buzz: 🌏 ‘Trump’ กับผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐได้จบลงแล้ว และปัจจุบัน บรรดานักลงทุนก็กำลังวิเคราะห์ผลกระทบที่จะตามมา โดยเฉพาะสำหรับตลาดเกิดใหม่ (EM) แม้ในช่วงแรกตลาดจะตอบรับด้วยท่าทีที่ค่อนข้างระมัดระวัง เนื่องจากนโยบายการค้าของว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump เช่น การกำหนดภาษีนำเข้าขั้นต่ำ 10% สำหรับสินค้าทั้งหมด และ 60% สำหรับสินค้าจากจีน ซึ่ง Weekly Buzz สัปดาห์นี้ อาจช่วยให้คุณมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

จีนจะได้รับผลกระทบอย่างไร?

แม้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่สิ่งที่ควรพิจารณา คือ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริง เพราะยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ว่า Trump จะดำเนินนโยบายอย่างจริงจังเรื่องการเก็บภาษี 60% หรือสูงกว่าสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนมากแค่ไหน เนื่องจากมีโอกาสที่รัฐบาลจีนจะออกมาตรการตอบโต้

คาดกันว่าสหรัฐและจีนอาจมีการเจรจาและประนีประนอมกันก่อน โดย Donald Trump เคยกล่าวไว้ในหนังสือ The Art of the Deal ว่า "ไม่ควรยึดติดกับข้อตกลงหรือแนวทางใดมากเกินไป" ซึ่งนโยบายที่กำลังเป็นที่ถกเถียงของเขาเป็นกลยุทธ์ที่สามารถดึงดูดคะแนนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ แต่ในทางปฏิบัติแล้วเราอาจได้เห็น Trump ลดความเข้มข้นของแต่ละนโยบายลง

ที่สำคัญ รัฐบาลจีนไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เพราะเพียงไม่กี่วันหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ จีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่มูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น โดยรัฐมนตรีคลังของจีนได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับนโยบายเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการเติบโต ซึ่งจุดยืนดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากจีนเริ่มเปลี่ยนไปใช้นโยบายที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น และผลการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะทำให้รัฐบาลจีนมุ่งมั่นในทิศทางดังกล่าวมากยิ่งขึ้น

สำหรับตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ?

สำหรับตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ภาพรวมดูสมดุลมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ในตอนแรก เนื่องจากนโยบายการคลังที่ผ่อนคลายมากขึ้นและนโยบายลดภาษีเงินได้ของ Trump เพื่อ ‘Re-industrialisation’ หรือการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม อาจช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของตลาดเกิดใหม่ แม้การขึ้นภาษีนำเข้า อาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งการส่งออกบางส่วน

ยิ่งไปกว่านั้น หากการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า มุ่งเป้าไปที่จีนโดยตรง ก็อาจทำให้เกิด Trade Diversion ไปยังตลาดเกิดใหม่อื่นๆ (อ่านเพิ่มเติมได้ใน Simply Finance) และเร่งให้บริษัทต่างๆ กระจาย Supply Chain ออกจากจีน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตลาดเกิดใหม่อื่นๆ

ที่สำคัญที่สุด ตลาดเกิดใหม่หลายแห่งมีแรงขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวที่แข็งแกร่ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้รับอิทธิพลจากการเมืองในสหรัฐ เช่น ประชากรจำนวนมากที่มีรายได้เพิ่มขึ้น ความสามารถทางเทคโนโลยีที่ดีขึ้น การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น และภาคเอกชนที่มุ่งให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตต่อไปในระยะข้างหน้า ไม่ว่าใครจะครองตำแหน่งในทำเนียบขาวก็ตาม

Key Takeaway

แม้รัฐบาลใหม่ของสหรัฐอาจสร้างความท้าทายต่อเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงอาจไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายคนกังวล โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อมูล โดยตลาดเกิดใหม่มีจุดเด่นในแง่ผลประกอบการที่แข็งแกร่งและราคาหุ้นที่ต่ำกว่าตลาดพัฒนาแล้ว และคาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งกว่าด้วย

ทั้งนี้ กุญแจสำคัญยังคงเป็นการยึดมั่นในแผนการลงทุนระยะยาว บนระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ ซึ่งพอร์ต General Investing ของเรา อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะมีการกระจายการลงทุนที่ดีในหลากหลายสินทรัพย์ กลุ่มธุรกิจและภูมิภาค รวมถึงตลาดเกิดใหม่และตลาดพัฒนาแล้ว แต่หากใครต้องการลงทุนแบบเจาะจงมากขึ้น Flexible Portfolio ของเรา ออกแบบมาให้คุณสามารถเลือกสินทรัพย์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตลาดอินเดีย จีน หรือตลาดเกิดใหม่โดยรวม 

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

🎓 Simply Finance: Trade Diversion

Trade Diversion หรือการเบี่ยงเบนทางการค้า เกิดขึ้นเมื่อมีอุปสรรคทางการค้า เช่น การตั้งกำแพงภาษี ทำให้ธุรกิจต่างๆ เปลี่ยนแหล่งนำเข้าสินค้า เปรียบเสมือนการซื้อของในร้านขายของชำ หากร้านประจำของคุณขึ้นราคา คุณก็คงคิดที่จะเปลี่ยนไปซื้อสินค้าจากร้านอื่นแทน ซึ่งสำหรับการค้าระหว่างประเทศ นี่คือการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็น Supplier ทางเลือกใหม่ได้