Weekly Buzz: ตลาดตอบสนองต่อข่าวต่างๆ อย่างไร? 📰

การที่ตลาดเคลื่อนไหวตามข่าวเป็นเรื่องที่ปกติ แต่สิ่งที่อาจทำให้คุณประหลาดใจก็คือ ตลาดเคลื่อนไหวเมื่อไหร่และอย่างไร? เพราะจริงๆ แล้ว ข่าวการเงินมีอยู่ 2 ประเภท คือ 1) ข่าวที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้แล้ว และ 2) ข่าวที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งทั้งสองประเภทนี้ส่งผลต่อตลาดในรูปแบบที่แตกต่างกันมาก

เมื่อข่าวส่งผลต่อตลาด

ข่าวที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว คือ สิ่งที่มักสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาด เช่น CEO ประกาศลาออกกระทันหัน นวัตกรรมใหม่ๆ หรือนโยบายเศรษฐกิจและการเงินที่ไม่มีใครคาดคิด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้สามารถทำให้ตลาดพุ่งสูงขึ้นหรือปรับตัวลดลงได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับข่าวอีกประเภท คือ ข่าวที่ทุกคนคาดการณ์ไว้แล้ว เช่น รายงานผลประกอบการหรือการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย อาจไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่ใช่เพราะข่าวเหล่านี้ไม่สำคัญ แต่เป็นเพราะตลาดได้ ‘Priced in’ ไว้ล่วงหน้าแล้ว

แนวคิดนี้อธิบายได้ด้วยทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ (Efficient Market Hypothesis) อธิบายคือ ราคาหุ้นได้สะท้อนข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่ยังรวมถึงความคาดหวังของนักลงทุนด้วย

ให้ลองนึกถึงบริษัทที่มีข่าวลือว่ากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่อาจปฏิวัติวงการ นักลงทุนที่ทราบข่าวจะเริ่มเข้าซื้อหุ้น ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปก่อนแล้ว ดังนั้น เมื่อบริษัทประกาศเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นบริษัทนั้นๆ ก็อาจแทบไม่ขยับเลย เพราะตลาดได้ตอบสนองไปก่อนแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ล้วนเกิดขึ้นในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการผลิต หรือรายได้ของภาพยนตร์ Hollywood นักลงทุนก็มักจะ Priced In ไปแล้วเสมอ

Key Takeaway

แม้ข่าวที่ไม่คาดคิด เช่น ภัยธรรมชาติหรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้ตลาดผันผวนอย่างรุนแรงได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว ตลาดมักจะเคลื่อนไหวแบบค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่อง ตามการประเมินข้อมูลใหม่ๆ ของนักลงทุน นั่นหมายความว่า การลงทุนระยะยาวโดยอาศัยประสิทธิภาพของตลาด อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการพยายามคาดเดาข่าวใหญ่ครั้งต่อไป

นี่คือเหตุผลว่าทำไมพอร์ต General Investing ของเรา ถึงให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุนที่ดีทั่วโลก เพราะเมื่อคุณกระจายการลงทุนไปในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ สินทรัพย์และภูมิภาค ข่าวแต่ละชิ้น ไม่ว่าจะคาดการณ์ได้หรือไม่ได้ ก็จะกลายเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ของภาพรวมที่ใหญ่กว่ามาก

📰 ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ: ตลาดแรงงานสหรัฐยังแข็งแกร่ง

ตลาดแรงงานสหรัฐมีการจ้างงานใหม่ 143,000 ตำแหน่งในเดือน ม.ค. แม้จะมีคาดการณ์ไว้ที่ 170,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขจากเดือนก่อนๆ กลับถูกปรับขึ้นอีก 100,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมงยังเพิ่มขึ้นอีก 4.1% ในช่วงปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4% แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง แม้การจ้างงานจะชะลอลงจากช่วงหลัง COVID-19

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ต้องจับตา คือ คาดการณ์เงินเฟ้อพุ่งจาก 3.3% เป็น 4.3% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2023 สาเหตุหลักมาจากความกังวลเรื่องมาตรการภาษีนำเข้าของ Donald Trump ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางการลดดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้

ทั้งนี้ Fed ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25%-4.5% ในการประชุมครั้งล่าสุด เนื่องจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและความกังวลว่าเงินเฟ้ออาจกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง โดยปัจจุบัน บรรดา Trader เริ่มมองว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือน ก.ค. แทนที่จะเป็นเดือน มี.ค. และปรับโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ เหลือแค่ 60% จากเดิม 70% ก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงาน

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

📖 รอบรู้เรื่องลงทุน: ทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ

Efficient Market Hypothesis หรือทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ ถูกพัฒนาโดย Eugene Fama นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันในช่วงทศวรรษ 1960 และได้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับตลาดและการลงทุนไปอย่างสิ้นเชิง

โดยทฤษฎีนี้มองว่านักลงทุนจำนวนมากที่ทำการซื้อขายอยู่ในตลาดตลอดเวลา ราคาสินทรัพย์จึงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตามข่าวสาร ทำให้ ‘การเอาชนะตลาด’ กลายเป็นเรื่องแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย 

แม้ทฤษฎีนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียง เพราะถ้าตลาดมีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์จริง เราคงไม่เห็นฟองสบู่หรือวิกฤตต่างๆ อย่างที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้ยังได้รับการพูดถึงแม้จะผ่านเวลามาเนิ่นนาน และยิ่งมีความเด่นชัดมากขึ้นในยุคนี้ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทันที