Weekly Buzz: ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ลดกำลังการผลิตถึงสิ้นปี
2 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกอย่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซียต่างพยายามรักษาราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับสูง ด้วยการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม
จะเกิดอะไรตามมา เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น
นักลงทุนต่างได้รับผลกระทบจาก Supply น้ำมันที่ลดลงก่อนหน้านี้ หลังประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่บางแห่งได้ลดกำลังการผลิต รวมถึงซาอุฯ ที่ลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แต่การขยายเวลาครั้งนี้อาจทำให้ Supply น้ำมันลดลงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ซึ่งเป็น Benchmark ของราคาน้ำมันโลกขึ้นมาอยู่เหนือ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นครั้งแรกในปีนี้
เมื่อราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน และเนื่องจากผู้บริโภคต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทางและการขนส่ง ราคาสินค้าและบริการโดยรวมจึงปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยที่ผ่านมา ราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงได้ช่วยชะลอความร้อนแรงของเงินเฟ้อมาเกือบตลอดทั้งปี แต่การกลับตัวของราคาน้ำมันในครั้งนี้อาจสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าได้
เรื่องนี้ส่งผลต่อนักลงทุนอย่างไร?
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจทำให้ปัญหาเงินเฟ้อที่รบกวนเศรษฐกิจโลกอยู่ในเวลานี้ย่ำแย่ลงไปอีก และอาจทำให้ธนาคารกลางต่างๆ ใช้มาตรการเข้มงวดต่อไป (เช่น การขึ้นอัตราดอกเบี้ย) เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย และส่งผลเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไปนักเพราะเศรษฐกิจโลกได้แสดงให้เห็นความทนทานมาจนถึงตอนนี้ และองค์ประกอบอื่นๆ ของเงินเฟ้อได้ลดความร้อนแรงลงมาแล้ว เช่น ปริมาณเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ Eurozone ได้ลดลงสู่แดนลบ ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐก็เริ่มชะลอตัวลงแล้ว
💡 Investors’ Corner: หุ้น Big Tech ครองดัชนี
สำหรับนักลงทุน คงเป็นเรื่องยากที่จะมองข้ามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐ ยกตัวอย่าง ‘The Magnificent Seven’ ที่ประกอบด้วย Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, Nvidia, Tesla และ Meta ซึ่งในตอนนี้มีน้ำหนักในดัชนี MSCI ACWI มากกว่าทั้งจีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและอังกฤษรวมกัน ทั้งนี้ MSCI ACWI เป็นดัชนีที่ติดตามตลาดหุ้นทั่วโลกและมีสัดส่วนตามมูลค่าตลาด หรือ Market Capitalisation-weighted Index (อ่านเพิ่มเติมได้ใน ศัพท์โลกการลงทุน)
ดังนั้น หากคุณลงทุนตามดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก คุณอาจมีสัดส่วนในหุ้น Big Tech ค่อนข้างมาก และไม่ได้มีการกระจายการลงทุนมากอย่างที่คิด
ปัจจุบัน หุ้นบริษัทขนาดใหญ่กำลังครองสัดส่วนในดัชนีต่างๆ ทำให้สัดส่วนของบริษัทเล็กลดลงตาม ส่งผลให้การลงทุนตามดัชนีอาจไม่ได้มีการกระจายการลงทุนในบริษัทที่หลากหลายอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งหุ้น Big Tech มีแต่จะเติบโตมากขึ้นไปอีกในระยะข้างหน้า
เพื่อจัดการกับเรื่องนี้ นักลงทุนควรศึกษารายละเอียดของ ETF ที่เข้าไปลงทุนเพิ่มเติม และหากคุณยังรู้สึกกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุนที่อาจกระจุกตัวมากจนเกินไป คุณอาจกระจายการลงทุนไปกลุ่มธุรกิจหรือภูมิภาคอื่นๆ ควบคู่กัน ซึ่ง Flexible Portfolio ของเราอาจเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะคุณสามารถเลือกสินทรัพย์และกำหนดสัดส่วนได้ตามที่ต้องการ
เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize
🎓ศัพท์โลกการลงทุน: Market Capitalisation-weighted Index
Market Capitalisation-weighted Index คือ ดัชนีที่มีสัดส่วนตามมูลค่าตลาด ทำให้บริษัทขนาดใหญ่กว่ามีอิทธิพลหรือมีน้ำหนักต่อดัชนีมากกว่า
ดังนั้น หากวันไหนราคาหุ้นขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Apple ปรับตัวขึ้น ดัชนีก็อาจขยับขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าหุ้นขนาดเล็กหลายตัวจะปรับตัวลดลงก็ตาม เปรียบได้กับเกมชักเย่อที่คนตัวใหญ่มักมีพลังมากกว่าคนตัวเล็กนั่นเอง
✨ ใหม่! CIO Insights ในรูปแบบ Audiobook
🎧 Insights ดีๆ ที่คุณฟังได้ทุกที่ ทุกเวลา จะขับรถหรือทำอะไรอยู่ก็ฟังได้ กับบทวิเคราะห์ล่าสุดเรื่อง ‘ทิศทางของค่าเงิน’ ที่นักลงทุนที่ลงทุนในต่างประเทศควรให้ความสำคัญ!
USD จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด มีปัจจัยอะไรบ้างที่ขับเคลื่อนค่าเงินสกุลต่างๆ และ StashAway บริหารจัดการเรื่องนี้อย่างไร
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน; ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต