Weekly Buzz: วิธีรับมือความผันผวนของตลาด 🔥

ปัจจุบัน Sentiment ของตลาดสหรัฐกำลังได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องมาตรการภาษีนำเข้าและสงครามการค้า ขณะที่ ปัญหาเงินเฟ้อสูงยังคงยืดเยื้อ ทำให้ Fed ยังต้องระมัดระวังเรื่องการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ด้วยความไม่แน่นอนเหล่านี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดจะมีความผันผวนมากขึ้น คำถามคือ เราทำอะไรได้บ้าง?

กระจายการลงทุน

สิ่งแรกที่เราไม่ควรทำคือ พยายามคาดเดาตลาด เพราะไม่มีใครรู้ แม้แต่มืออาชีพที่จบการศึกษาจาก Ivy League ก็ยังผิดพลาดได้ โดยงานวิจัยที่ศึกษาข้อมูลเป็นเวลา 10 ปี พบว่า 85% ของกองทุนแบบ Active ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าดัชนี S&P 500 ในระยะยาว ดังนั้น หลักการข้อแรกของการลงทุนก็ยังคงใช้ได้เสมอ นั้นก็คือ ‘Time in The Market’ ไม่ใช่ ‘Timing the Market’ (การอยู่ในตลาดให้นานพอสำคัญกว่าการจับจังหวะตลาด)

หลักการข้อต่อมาคือ การกระจายการลงทุน โดยวิจัยหลายชิ้น พบว่า ผลตอบแทนในพอร์ตการลงทุนขึ้นอยู่กับการทำ Asset Allocation ถึง 90% ยกตัวอย่างเช่น หากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลง สินทรัพย์ในภูมิภาคอื่นๆ ก็อาจเข้ามาช่วยพยุงพอร์ตได้ หรือหากหุ้นผันผวน ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ก็อาจเข้ามาช่วยชดเชยได้

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่เพียงทฤษฎีเท่านั้น ยกตัวอย่างในช่วงปี 2022 ที่นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างหนักจนตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงถึง 19% แต่สินค้าโภคภัณฑ์กลับปรับตัวขึ้นถึง 22% หรือในช่วงวิกฤติฟองสบู่ดอทคอม ดัชนี Nasdaq ของสหรัฐร่วงลงกว่า 70% แต่ตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนเป็นบวกกว่า 30% และไม่ใช่แค่ตัวอย่างที่เราหยิบยกมาเท่านั้น แต่ตารางด้านล่างจะแสดงให้คุณเห็นว่า สินทรัพย์ประเภทต่างๆ ตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจแบบเดียวกันในรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างไร

กลยุทธ์การบริหาร Asset Allocation ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีไม่เพียงช่วยกระจายความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังทำให้สินทรัพย์แต่ละประเภททำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มที่ โดยหุ้นในหลากหลายภูมิภาคจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว ส่วนตราสารหนี้จะให้ Yield และสร้างเสถียรภาพให้กับพอร์ต ขณะที่ ทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ Safe-haven มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

Key Takeaway

ประเด็นสำคัญคือ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าสินทรัพย์ใดจะทำผลงานได้ดีที่สุด แต่การกระจายการลงทุนที่ดีจะช่วยให้คุณไม่ต้องคาดเดาอนาคต ดังนั้น วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุดในการรับมือกับความผันผวน และบางที ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของมันอาจไม่ใช่เรื่องการเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องจิตวิทยาด้วย เพราะการเข้าใจว่า ในระยะสั้น บางสินทรัพย์อาจให้ผลตอบแทนน้อยกว่าหรือมากกว่าสินทรัพย์อื่น จะช่วยให้คุณลดการใช้อารมณ์ในช่วงที่ตลาดผันผวน

พอร์ต General Investing ของเรา ถูกสร้างขึ้นตามหลักการนี้ เพราะแทนที่จะพยายามจับจังหวะตลาดหรือคาดเดาว่าภูมิภาคไหนจะให้ผลตอบแทนดีที่สุด พอร์ตของเราจะมีการกระจายการลงทุนที่ดีในหลากหลายภูมิภาค กลุ่มธุรกิจ และสินทรัพย์ (หรืออาจเรียกได้ว่า ‘ครบ-จบ’ ในที่เดียว 😎)

📰 ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ: ตลาดแรงงานสหรัฐยังแข็งแกร่งท่ามกลางความตึงเครียดเรื่องภาษีนำเข้า

แม้ประธานาธิบดี Trump จะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย. แต่สงครามการค้าครั้งนี้ยังคงสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตาม รายงานการจ้างงานของสหรัฐประจำเดือน ก.พ. ยังพอมีข่าวดีบ้าง โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง ซึ่งแม้จะต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 160,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขนี้ยังถือว่าแข็งแกร่ง โดยกลุ่มธุรกิจ Healthcare และการขนส่งยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ขณะที่อัตราการว่างงานยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ 4.1%

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนเริ่มลดความคาดหวังที่มีต่อหุ้นสหรัฐ โดยทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างร่วงลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (อ่านเพิ่มเติมได้ใน Simply Finance) และในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่ตลาดหุ้นยุโรปกลับมีผลงานที่ดีกว่า

หุ้นกลุ่มการเงินในยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่าง 20-25% YTD ขณะที่ ดัชนี DAX ของเยอรมนีพุ่งขึ้นเกือบ 16% ซึ่งหากคุณต้องการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในยุโรป หรือภูมิภาคอื่นๆ Flexible Portfolio ของเราจะช่วยให้คุณสามารถ Customise พอร์ตในแบบของคุณได้อย่างง่ายดาย

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

🎓 Simply Finance: เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน

200-day Moving Average หรือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน คือ ค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นหรือดัชนีในช่วง 200 วันทำการที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ทางเทคนิคมักมองว่า หากราคาลดลงต่ำกว่าเส้นนี้ อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มในระยะยาวกำลังเปลี่ยนไปในเชิงลบ (Bearish) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องไม่ลืมว่าเส้นค่าเฉลี่ยเป็นเพียงตัวชี้วัดที่อ้างอิงจากการเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้น ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแต่อย่างใด