Weekly Buzz: 🌱สำรวจโอกาสกระจายการลงทุนเพื่อให้พอร์ตเติบโต

การกระจายการลงทุนที่ดีไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงของการกระจุกตัว (ความเป็นไปได้ที่คุณจะขาดทุนอย่างหนัก เพราะถือหุ้นเพียงไม่กี่ตัว) แต่ยังทำให้คุณไม่พลาดโอกาสสร้างพอร์ตให้เติบโตจากการลงทุนใหม่ๆ อีกด้วย Weekly Buzz สัปดาห์นี้จึงอยากนำเสนอแนวคิดของ Capital Group หนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ว่าขณะนี้พวกเขามองเห็นศักยภาพการเติบโตของสินทรัพย์ใดบ้าง

กลุ่มอุตสาหกรรม

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลาโหม พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐาน อาจไม่ได้มีความน่าตื่นเต้นเหมือนกลุ่มเทคโนโลยี แต่ด้วยกระแสเงินสดที่มั่นคงและ High Barrier to Entry หรืออุปสรรคที่กีดขวางไม่ให้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ตลาดได้ง่าย ทำให้หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว นอกจากนี้ สหรัฐและยุโรปต่างกำลังทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อย้าย Supply Chain ให้กลับไปอยู่ใกล้ประเทศของตัวเองมากขึ้น และเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่ Supercycle ของการลงทุนจำนวนมหาศาลในระยะข้างหน้า

Healthcare

แม้บางครั้ง กลุ่มธุรกิจ Healthcare อาจไม่ค่อยเป็นที่สนใจมากนัก แต่นักลงทุนก็ควรจับตามองหุ้นกลุ่มนี้ไว้ให้ดี โดยเมื่อปี 2022 การใช้จ่ายด้าน Healthcare ในสหรัฐ พุ่งสูงถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ฯ และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสหรัฐกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม Healthcare ยังเริ่มเข้าสู่ ‘Third Wave of Innovation’ ที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม Genetics และ AI (ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ธีม Healthcare Innovation ภายใต้ Thematic Portfolio ของเราให้ความสำคัญ)

ตลาดเกิดใหม่ (EM)

เมื่อเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจากการที่สหรัฐได้เริ่มวงจรการลดดอกเบี้ย นี่จึงอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการพิจารณาลงทุนในตลาดเกิดใหม่โดยรวม ซึ่งหากคุณไม่อยากพลาดโอกาสนี้ Flexible Portfolio ของเราอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะคุณสามารถลงทุนใน ETF ที่ติดตามดัชนีของแต่ละประเทศได้อย่างง่ายดาย และคุณยังสามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับแผนการลงทุนโดยรวมของตัวเองได้ตามต้องการ

ปัจจุบัน อินเดีย คือ ตลาดเกิดใหม่ที่มีความโดดเด่น เพราะการเติบโตของภาคเอกชนและชนชั้นกลางที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เส้นทางการพัฒนาในอินเดียคล้ายกับจีนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และส่งผลให้อินเดียมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ (อ่านเพิ่มเติมได้ใน CIO Insights: ทำไม ‘อินเดีย’ ถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุน)

Key Takeaway

ในโลกการลงทุนที่กว้างใหญ่ มีสินทรัพย์มากมายที่มีโอกาสเติบโต ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะการ ‘นำไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว’ ถือว่ามีความเสี่ยงที่พอร์ตจะขาดทุนอย่างหนักได้ ดังนั้น แผนการลงทุนระยะยาวที่ดี คือ การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว จากนั้นก็อาศัยความอดทน แล้วปล่อยให้เงินของคุณทำงานต่อไป 

📰 ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ: จีนเลือกเดินช้าๆ แต่มั่นคง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แถลงการณ์จากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ทำให้นักลงทุนหลายคนผิดหวัง เพราะพวกเขาคาดหวังว่าทางการจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้

แทนที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม NDRC กลับเลือกประกาศเร่งออกพันธบัตรแก่รัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งเป็นนโยบายที่เคยวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมแสดงความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ ‘ราว 5%’ ต่อปี

แม้การขาดมาตรการกระตุ้นในทันทีอาจสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้นได้ แต่การที่จีนให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ระยะยาวอาจส่งผลให้เศรษฐกิจจีนมีความมั่นคงมากขึ้นในท้ายที่สุด โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน จีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย และอนุมัติโครงการพลังงานนิวเคลียร์มูลค่า 200,000 ล้านหยวน (ราว 930,000 ล้านบาท) เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการเหล่านี้บ่งชี้ว่า รัฐบาลจีนกำลังเลือกใช้แนวทางที่รอบคอบมากขึ้น โดยเน้นไปที่การเติบโตอย่างยั่งยืนแทนที่จะเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

เนื้อหาในส่วนนี้เขียนขึ้นร่วมกับ Finimize

📖 รอบรู้เรื่องลงทุน: ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์จีน

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจจีน ได้เผชิญปัญหามาตั้งแต่ปี 2021 หลังรัฐบาลประกาศใช้มาตรการ ‘Three Red Lines’ เพื่อควบคุมหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายแห่งขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง

ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในวงกว้าง แม้รัฐบาลจะพยายามผ่อนคลายข้อจำกัด แต่ยอดขายและราคาของอสังหาริมทรัพย์จีนก็ยังคงลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดหลัง COVID-19  โดยปัจจุบัน นักลงทุนกำลังเฝ้ารอมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลที่อาจช่วยฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งหากรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้สำเร็จ เศรษฐกิจจีนโดยรวมก็อาจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง