ทำไมการลงทุนใน 'พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น' ถึงน่าสนใจ
ชวนคุณทำความเข้าใจว่าเพราะอะไร พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นจึงน่าสนใจลงทุนในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน และนักลงทุนจะสามารถลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ได้อย่างไร
จากสถานการณ์เงินเฟ้อสูงที่พุ่งขึ้นในปี 2022 ทำให้ Fed จำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งเร็วและแรงแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวม 4.5% ภายใน 1 ปี
อ้างอิง: StashAway, Bloomberg
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed หรือ Fed Fund Rate คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารต่างๆ ใช้ในการกู้ยืมเงินระหว่างกัน (ประเภทข้ามคืน) ซึ่งดอกเบี้ยนโยบายนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอื่นๆ รวมถึง Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ดังนั้นเมื่อ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ยหรือ Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น (อายุคงเหลือ 3 เดือน) ขึ้นไปที่ 4.7% ต่อปี เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจากราว 0.2% เมื่อต้นปี 2022
ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดผันผวนและสินทรัพย์ส่วนใหญ่ทำผลตอบแทนติดลบ Yield ที่สูงของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นนี้ สามารถทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ (เพราะการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐมีความเป็นไปได้ต่ำ)
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจมหภาคส่งผลต่อ Yield ของพันธบัตร
เมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2023 การเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงติดลบและอัตราเงินเฟ้อสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่สัญญาณล่าสุดบ่งชี้ว่าเงินเฟ้ออาจยืดเยื้อ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจบางตัวที่ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้ Fed ส่งสัญญาณว่าอาจทำนโยบายการเงินที่เข้มงวด (Hawkish) ต่อไป ตลาดจึงเริ่มประเมินทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่อีกครั้ง และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ของ Terminal Rate (จุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) ในรอบนี้ ซึ่งทำให้ Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นตาม
อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังคงอยู่ในระดับสูง อาจส่งผลดีให้ Yield อยู่ในระดับสูงตลอดปี 2023
เมื่ออัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อ Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ การเข้าใจทิศทางของอัตราดอกเบี้ยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เรามาเจาะลึกถึงผลกระทบต่อ Yield ของ ‘พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น’ หรือช่วงต้นของ Yield Curve กัน
Fed อาจไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วอย่างที่ตลาดคาด
ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจคงอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดเคยคาดไว้ก่อนหน้า นอกจากนี้ ตลาดแรงงานสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่งจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อสหรัฐไปอีกระยะหนึ่ง
ล่าสุด Jerome Powell ประธาน Fed กล่าวว่า ถ้าตลาดแรงงานยังไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอความร้อนแรงลง อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเพิ่มขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของ Fed ในสาขาอื่นๆ ยังคงเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ได้ ส่งผลให้ตลาดปรับการคาดการณ์ โดยคาดว่า Fed น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2-3 ครั้งในปีนี้จากระดับปัจจุบันที่ 4.5 - 4.75% ต่อปี ซึ่งใกล้เคียงกับการประมาณการล่าสุดของ Fed เมื่อเดือนธันวาคม
อย่างไรก็ตาม Fed และตลาดมีมุมมองเรื่องอัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีนี้ต่างกัน โดย Fed ได้ส่งสัญญาณแล้วว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ แต่ตลาดเชื่อว่ายังมีโอกาสเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยช่วงปลายปี 2023
กล่าวโดยสรุป คือ ยังคงมีความไม่แน่นอนว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นไปสูงสุดที่จุดไหน และที่สำคัญคือจะคงอยู่นานเท่าไหร่
ปัจจุบัน ตลาดมองว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นจากที่คาดไว้ก่อนหน้า แต่ยังเห็นโอกาสการปรับลดลงภายในสิ้นปีนี้
อ้างอิง: StashAway, Bloomberg
เรายังคงเห็นโอกาสการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น
จากแนวโน้มที่ Fed จะยังคงทำนโยบายแบบ Hawkish ต่อไปในระยะข้างหน้า ทำให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระดับความเสี่ยงที่ต่ำ
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นมี Yield ที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
ปัจจุบัน Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอยู่ที่ราว 3-5% ต่อปี ซึ่งถือว่าน่าสนใจเมื่อพิจารณาทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยงประกอบกัน
- Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า เนื่องจากตลาดมองว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอีกในไม่ช้า ยกตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวอายุ 10 ปี ขณะนี้มี Yield ที่ราว 4% ต่อปี
- Corporate Bond Spread หรือ ส่วนต่างของ Yield ระหว่างหุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาล (ที่มีระยะเวลาคงเหลือเท่ากัน) ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์
- ในปัจจุบันราคาหุ้นเทียบกับพื้นฐานไม่ถือว่าถูก ขณะที่กำไรของบริษัทต่างๆ อาจลดลงหากสหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อ้างอิง: StashAway, Bloomberg
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นช่วยต่อสู้กับเงินเฟ้อได้
ปัจจุบัน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นมี Yield ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ โดยเดือนมกราคมที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังคงอยู่ระดับสูงที่ 6.4% ซึ่งเริ่มมีทิศทางปรับลดลง ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์และ Fed ต่างคาดว่าสิ้นปีนี้อัตราเงินเฟ้อจะลดลงเข้าใกล้ระดับ 3% โดยปัจจุบัน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นมี Yield ประมาณ 4.7% ชี้ให้เห็นถึงผลตอบแทนแท้จริง (อัตราผลตอบแทนลบด้วยอัตราเงินเฟ้อ) ที่เป็นบวก
การมี ‘พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น’ ในพอร์ตมีข้อดีอย่างไร
สำหรับพอร์ตการลงทุน พันธบัตรรัฐบาลมีบทบาทสำคัญ คือ:
- สร้างการกระจายการลงทุนที่ดี และช่วยสร้างสมดุลในพอร์ต โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของหุ้น และช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตได้
- สร้างรายได้ ด้วยการจ่ายดอกเบี้ยให้นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะปัจจุบันที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นให้ Yield ในระดับที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ
- ปกป้องพอร์ต เพราะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นมักจะมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่า และมักช่วยปกป้องพอร์ตการลงทุนของคุณให้มูลค่าไม่ลดลงมากนักเมื่อเจอความผันผวน
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นถือเป็นตัวเลือกที่อาจช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนอย่างปัจจุบัน โดยการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ยังมีสภาพคล่องสูงกว่าบัญชีเงินฝากประจำ เพราะคุณสามารถถอนเงินลงทุนส่วนนี้ได้หากมีเรื่องไม่คาดฝัน หรือเมื่อเห็นโอกาสอื่นๆ ในตลาดการลงทุน (เช่น การปรับฐานของตลาดหุ้น)
ทั้งนี้ หากคุณอยากลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น (USD) คุณสามารถลงทุนได้ผ่าน Flexible Portfolio โดยเลือกสินทรัพย์ประเภท ‘เงินสดหรือเทียบเท่า’ ซึ่งมี ‘พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (1-3 เดือน)’ ให้คุณเลือกและสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตามที่ต้องการ
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน; ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต